เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) มีการประชุมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 ในส่วนของการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลกว่าแสนล้านบาท และแนวทางปฏิบัติของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการบริหารเชิงพื้นที่ ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนส์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน พร้อมด้วยนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงดิจิตัลฯ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เข้าร่วมประชุมฯ โดยพล.อ.อนุพงษ์ แจ้งให้ที่ประชุมทราบแนวทางการขับเคลื่อนประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ กำกับดูแลทีมระดับตำบล เพื่อนำสัญญาประชาคมไปชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวประกอบด้วย 1.สัญญาประชาคม ผูกใจไทยเป็นหนึ่ง ร่วมรับรู้ ร่วมปฏิบัติตามสัญญาประชาคม 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน การลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุขพัฒนาความเป็นอยู่ พัฒนาอาชีพและรายได้ (งบเงินกู้) 4.วิถีไทยพอเพียง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างวินัยการออม 5.รู้สิทธิ รู้หน้าที่ การเป็นพลเมืองที่ดี 6.รู้กลไกการบริหารราชการแผ่นดินระดับต่างๆ และการบริหารงบประมาณที่เกิดประโยชน์แก่ประชาชน 7.รู้รักประชาธิปไตยไทยนิยม 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และอินเตอร์เนตหมู่บ้าน 9.ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด
- พนักงานถูกไล่ออก เพราะพากันหนีไฟไหม้ ที่มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
- บ้าน-รถกู้ไม่ผ่านพุ่งกระฉูด หนี้ครัวเรือนท่วม-แบงก์ผวา NPL
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกลไกในการขับเคลื่อนนั้นในวันที่ 7-13 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีการประชุมมอบนโยบายและกรอบแนวทางการปฏิบัติ ร่วมกันในพื้นที่ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้ที่เกี่ยวข้อง และในวันที่ 14-23 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนฯระดับจังหวัด อำเภอและตำบล จะประชุมถ่ายทอดการปฏิบัติงานร่วมกัน โดยภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืนนี้ ทีมงานฝ่ายเลขานุการวางกรอบให้พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ทั่วประเทศทุกสัปดาห์ ครบทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ มีเป้าหมายหลักคือพบกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนไว้
ที่มา : มติชนออนไลน์