“ปชป.”เชิญปชช.ยืนยันตนเป็นสมาชิกพรรค1 เม.ย.นี้ “อภิสิทธิ์”พร้อมประชุมร่วม กกต. 28 มี.ค.นี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. แถลงถึงการยืนยันสมาชิกพรรคฯ ว่า ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้พรรคการเมืองเก่า และพรรคการเมืองใหม่ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ซึ่งแตกต่างจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองไม่สามารถทำตากฎหมายนี้ได้ เพราะติดล็อกคำสั่ง คสช. อีกทั้ง ปลายเดือนธันวาคม 60 คสช. ก็ออกคำสั่งให้พรรคการเมืองว่า ให้สมาชิกพรรคมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อพรรคการเมือง และชำระค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน ตามกำหนดคือวันที่ 30 เมษายนนี้ และหากถ้าเกินกำหนดแล้วไม่มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค ก็จะถือว่าบุคคลผู้นั้นสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคตามคำสั่ง

“พรรค ปชป.ขอเชิญชวน ให้ทุกท่านมาแสดงตน เพื่อยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ โดยท่านสามารถไปทำเรื่องดังกล่าวได้ที่ 1. ที่สำนักงานใหญ่พรรค ปชป. 2.ที่ทำการสาขาพรรคทั่วประเทศ และ 3.ที่ทำการของอดีต ส.ส.พรรคปชป.ทั่วประเทศ โดยทุกสถานที่ทั่วประเทศเราจะมีการประกาศอีกครั้งเพื่อให้สมาชิกได้รับทราบ โดยจะประกาศผ่านเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป โดยผู้ที่จะมายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค ปชป.จะต้องมีหนังสือยืนยันยื่นต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ว่าท่านไม่มีลักษณะต้องห้ามใดๆ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาบัตรทะเบียนบ้านมายืนยันด้วย” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับค่าการชำระค่าบำรุงพรรคนั้นมี 2 แบบคือ 1. การชำระค่าบำรุงพรรคตลอดชีพจำนวน 2000 บาท และ 2.การชำระค่าบำรุงพรรครายปีจำนวนปีละ 100 บาท เมื่อครบกำหนด 1 ปี ถ้าประสงค์จะเป็นสมาชิกต่อ ก็มาชำระในปีต่อๆไป นอกจากนี้ ยังมีมีเรื่องหนึ่งที่คิดว่าไม่น่าจำเป็นคือ การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กำหนดให้นำสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน มาใช้ยืนยันนั้น ขอให้ กกต.ทบทวนเรื่องนี้ เพราะสมาชิกพรรคปชป. 2.5 ล้านคน ตอนมายืนยันตัวตนจะต้องมีบัตรประชาชนมาแสดงอยู่แล้ว เพราะเป็นขั้นตอน การนำบัตรประชาชนมาก็จะสามารถแสดงข้อมูลตามเลข 13 หลักได้ และเราก็จะทราบรายระเอียดของบุคคลนั้นๆอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการให้นำสำเนาอีกถือเป็นเรื่องที่สิ้นเปลือง เป็นภาระสมาชิกพรรค อยากให้กกต.ทบทวน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เพื่อเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ประสงค์ให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในพรรคการเมืองมากที่สุด อะไรที่เป็นภาระ ไม่จำเป็นต่อประชาชน กกต.ต้องทบทวนเรื่องนี้ใหม่

นายองอาจ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หากประสงค์จะสมัคร ขอยืนยันว่า ประชาชนทั่วประเทศไม่สามารถยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ เพราะมีคำสั่งล็อกของ คสช. เอาไว้ ดังนั้นตราบใดที่ คสช.ไม่ปลดล็อก พรรคการเมืองก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขอให้ คสช.พิจารณาคำสั่งการปลดล็อกพรรคการเมืองด้วย เราทราบดีว่า คสช.กังวลเรื่องความมั่นคง แต่พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าประเด็นปัญหานี้ คสช.ไม่น่ามีความกังวล เนื่องจาก คสช.อาจคลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมบางอย่างได้ เช่น เปิดโอกาสให้มีการรับสมัครสมาชิกพรรคได้ ให้สมาชิกพรรคจ่ายเงินบริจาคได้ และให้มีการประชุมเพื่อจัดการเรื่องต่างๆตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ ทั้งนี้ เรื่องเหล่านี้ไม่น่าจะมีปัญหาต่อความมั่นคง ถ้า คสช .ทำให้ด้ก็จะสร้างความมั่นใจไปสู่นานาชาติและคนในประเทศได้ว่า เราจะเดินหน้าเลือกตั้งตามโรดแมป

นายองอาจ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ พรรคปชป.ได้ถูกเชิญจากกกต.ให้ไปประชุมร่วมกัน โดยนายอภิสิทธิ์จะนำเจ้าหน้าที่ไปประชุมร่วมด้วย ซึ่งเราคาดหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีในการได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนว่า พรรคการเมืองสามารถดำเนินไปตามกฎหมายพรรคการเมือง โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อคำสั่ง คสช.ได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง เพราะยังมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นการประชุมจึงควรเป็นเวทีที่หาข้อยุติ ข้อสรุปให้มีความชัดเจนในวันนั้นทั้งหมด เพราะหลังจากนั้น พรรคการเมืองจะมีเวลา 3 วัน ก่อนจะถึงวันที่ 1 เมษายนที่จะต้องเข้าสู่การยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค และเรื่องจะไปเกี่ยวข้องกับการทำไพรมารี่โหวตอีกด้วย

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์