เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. แถลงถึงการยืนยันสมาชิกพรรคฯ ว่า ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้พรรคการเมืองเก่า และพรรคการเมืองใหม่ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ซึ่งแตกต่างจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองไม่สามารถทำตากฎหมายนี้ได้ เพราะติดล็อกคำสั่ง คสช. อีกทั้ง ปลายเดือนธันวาคม 60 คสช. ก็ออกคำสั่งให้พรรคการเมืองว่า ให้สมาชิกพรรคมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อพรรคการเมือง และชำระค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน ตามกำหนดคือวันที่ 30 เมษายนนี้ และหากถ้าเกินกำหนดแล้วไม่มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค ก็จะถือว่าบุคคลผู้นั้นสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคตามคำสั่ง
“พรรค ปชป.ขอเชิญชวน ให้ทุกท่านมาแสดงตน เพื่อยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ โดยท่านสามารถไปทำเรื่องดังกล่าวได้ที่ 1. ที่สำนักงานใหญ่พรรค ปชป. 2.ที่ทำการสาขาพรรคทั่วประเทศ และ 3.ที่ทำการของอดีต ส.ส.พรรคปชป.ทั่วประเทศ โดยทุกสถานที่ทั่วประเทศเราจะมีการประกาศอีกครั้งเพื่อให้สมาชิกได้รับทราบ โดยจะประกาศผ่านเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป โดยผู้ที่จะมายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค ปชป.จะต้องมีหนังสือยืนยันยื่นต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ว่าท่านไม่มีลักษณะต้องห้ามใดๆ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาบัตรทะเบียนบ้านมายืนยันด้วย” นายองอาจ กล่าว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับค่าการชำระค่าบำรุงพรรคนั้นมี 2 แบบคือ 1. การชำระค่าบำรุงพรรคตลอดชีพจำนวน 2000 บาท และ 2.การชำระค่าบำรุงพรรครายปีจำนวนปีละ 100 บาท เมื่อครบกำหนด 1 ปี ถ้าประสงค์จะเป็นสมาชิกต่อ ก็มาชำระในปีต่อๆไป นอกจากนี้ ยังมีมีเรื่องหนึ่งที่คิดว่าไม่น่าจำเป็นคือ การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กำหนดให้นำสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน มาใช้ยืนยันนั้น ขอให้ กกต.ทบทวนเรื่องนี้ เพราะสมาชิกพรรคปชป. 2.5 ล้านคน ตอนมายืนยันตัวตนจะต้องมีบัตรประชาชนมาแสดงอยู่แล้ว เพราะเป็นขั้นตอน การนำบัตรประชาชนมาก็จะสามารถแสดงข้อมูลตามเลข 13 หลักได้ และเราก็จะทราบรายระเอียดของบุคคลนั้นๆอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการให้นำสำเนาอีกถือเป็นเรื่องที่สิ้นเปลือง เป็นภาระสมาชิกพรรค อยากให้กกต.ทบทวน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เพื่อเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ประสงค์ให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในพรรคการเมืองมากที่สุด อะไรที่เป็นภาระ ไม่จำเป็นต่อประชาชน กกต.ต้องทบทวนเรื่องนี้ใหม่
นายองอาจ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หากประสงค์จะสมัคร ขอยืนยันว่า ประชาชนทั่วประเทศไม่สามารถยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ เพราะมีคำสั่งล็อกของ คสช. เอาไว้ ดังนั้นตราบใดที่ คสช.ไม่ปลดล็อก พรรคการเมืองก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขอให้ คสช.พิจารณาคำสั่งการปลดล็อกพรรคการเมืองด้วย เราทราบดีว่า คสช.กังวลเรื่องความมั่นคง แต่พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าประเด็นปัญหานี้ คสช.ไม่น่ามีความกังวล เนื่องจาก คสช.อาจคลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมบางอย่างได้ เช่น เปิดโอกาสให้มีการรับสมัครสมาชิกพรรคได้ ให้สมาชิกพรรคจ่ายเงินบริจาคได้ และให้มีการประชุมเพื่อจัดการเรื่องต่างๆตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ ทั้งนี้ เรื่องเหล่านี้ไม่น่าจะมีปัญหาต่อความมั่นคง ถ้า คสช .ทำให้ด้ก็จะสร้างความมั่นใจไปสู่นานาชาติและคนในประเทศได้ว่า เราจะเดินหน้าเลือกตั้งตามโรดแมป
นายองอาจ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ พรรคปชป.ได้ถูกเชิญจากกกต.ให้ไปประชุมร่วมกัน โดยนายอภิสิทธิ์จะนำเจ้าหน้าที่ไปประชุมร่วมด้วย ซึ่งเราคาดหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีในการได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนว่า พรรคการเมืองสามารถดำเนินไปตามกฎหมายพรรคการเมือง โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อคำสั่ง คสช.ได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง เพราะยังมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นการประชุมจึงควรเป็นเวทีที่หาข้อยุติ ข้อสรุปให้มีความชัดเจนในวันนั้นทั้งหมด เพราะหลังจากนั้น พรรคการเมืองจะมีเวลา 3 วัน ก่อนจะถึงวันที่ 1 เมษายนที่จะต้องเข้าสู่การยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค และเรื่องจะไปเกี่ยวข้องกับการทำไพรมารี่โหวตอีกด้วย
ที่มา มติชนออนไลน์