ครบ 10 ปี รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่ทำให้ ฉากหน้าการเมืองไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ถูกรัฐประหารในวันนั้น กลับมาเป็นรัฐบาล (อีกครั้ง) ในเวลานี้
- หวยออกงวด 16 มิ.ย. ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล-สถิติหวยย้อนหลัง 10 ปี
- วิธียืนยันตัวตน แอปทางรัฐ ผ่าน 7-11 รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำอย่างไร
- เปิดเหตุผล ทำไม ฮาตาริ ตัดสินใจรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 34 ปี แม้ถือมาร์เก็ตแชร์ 70%
พรรคภูมิใจไทย เมื่อ 10 ปี ก่อนมีสถานะเป็น “ฝ่ายค้าน” กลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล 71 เสียงที่แกนนำรัฐบาลขาดไม่ได้
พรรคประชาธิปัตย์ ตัวละครสำคัญเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน แต่วันนี้ พรรคที่ทำหน้าที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านคือ พรรคก้าวไกล
กลุ่ม นปช. วันนี้แตกละเอียด กลุ่ม กปปส.ยังพัวพันอยู่กับการสู้คดี แต่แกนนำบางรายอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล – รวมไทยสร้างชาติ
มีพรรคเกิดใหม่ อย่างพรรคพลังประชารัฐ – พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เกิดจากร่มเงารัฐประหาร กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล บนเงื่อนไขพิเศษ สลายขั้วการเมือง
รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ผ่านมา 10 ปี พรรคการเมืองแสดงจุดยืนอย่างไร ควรบันทึกไว้ ดังนี้
รัฐประหาร = ทำลายประชาธิปไตย
พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ ว่า 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 อำนาจอธิปไตยของคนไทยดับสิ้นลง จากคณะรัฐประหารที่ชื่อว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยึดอำนาจรัฐบาลเพื่อไทย รัฐบาลที่มาจากความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน
การกระทำการรัฐประหาร คือ การกระทำที่ผิดกฎหมาย ทำลายประชาธิปไตย ผลักประเทศให้เดินถอยหลังไปสู่ความถดถอยภายใต้อำนาจเผด็จการ สิ่งที่เราสูญเสียไปคือ ‘โอกาสของประเทศ” ทั้งที่สามารถประเมินมูลค่าได้ และอีกนานัปการที่ประเมินมูลค่าไม่ได้
พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เราปฏิเสธการรัฐประหาร ไม่ยอมรับสารตั้งต้นที่อาจเป็นการสร้างเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหาร และปฏิเสธการนิรโทษกรรมต่อการรัฐประหารในทุกกรณี ศาลและองค์กรรัฐอื่น ๆ ต้องยกเลิกบรรทัดฐานที่ว่า การรัฐประหารโดยใช้กำลังอาวุธสำเร็จ เป็นรัฏฐาธิปัตย์
เรายืนยันแนวคิดให้มีการตรากฎหมายต่อต้านการรัฐประหารขึ้น โดยห้ามมิให้ศาลยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และยืนยันในแนวคิดว่า ความผิดในการรัฐประหารไม่มีอายุความ โดยให้ถือเป็นประเพณีการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย
พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า การรัฐประหารคืออาชญากรรมร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ เป็นอาชญากรรม ต่อระบอบประชาธิปไตย เรายึดมั่นในหลักการว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เราจะร่วมกัน ต่อต้านการรัฐประหาร การรัฐประหารจะต้องหมดไปจากประเทศไทย
การรัฐประหารที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผ่านมา จะมีข้ออ้างเสมอมาว่ารัฐบาลประชาธิปไตยบริหารประเทศ ล้มเหลว อ้างสถานการณ์ที่นำไปสู่การยึดอำนาจโดยใช้กำลังอาวุธ แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่การรัฐประหารนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า มีแต่นำไปสู่ความตกต่ำ ถดถอย และล้าหลังดังที่เห็นกันอยู่ตลอดมา
พรรคเพื่อไทยในฐานะสถาบันการเมือง ในฐานะแกนนำรัฐบาลของพี่น้องประชาชน เราจะบริหารราชการแผ่นตินอย่างดีที่สุด เราจะร่วมมือกันกับคนไทยผู้รักประชาธิปไตย ไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก
ยิ่งลักษณ์ อยากมี รธน.โดยประชาชน
ด้าน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาลที่ถูกรัฐประหารเมื่อ 10 ปีก่อน ระบุว่า นับเป็นเวลา 10 ปีแล้วจากวันที่เกิดการรัฐประหาร เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 จนมาถึงวันนี้เป็นเวลาที่ยาวนาน แต่ดิฉันเริ่มมีความหวังค่ะ ก็คือการที่เห็นประเทศกลับคืนสู่หนทางแห่งประชาธิปไตย โดยจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เขียนโดยประชาชน เพื่อประชาชน ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนไปพร้อม ๆ กัน รอความหวังที่จะเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่นำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงค่ะ
ก้าวไกล : ระบอบประยุทธ์ ยังอยู่
พรรคก้าวไกลโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า 10 ปี รัฐประหาร 2557 ประยุทธ์ออกแล้ว ระบอบประยุทธ์ยังอยู่ ทั้งนี้ ผ่านมาแล้ว 10 ปีหลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 จุดกำเนิดของระบอบประยุทธ์ ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งแล้ว 2 ครั้ง แต่ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รู้สึกว่าประเทศไทย ‘เปลี่ยน’ ไปจริง ๆ
นั่นเพราะ “ระบอบประยุทธ์” มีความหมายกว้างกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่หมายถึงเครือข่ายผลประโยชน์ที่แวดล้อมคณะรัฐประหารและร่วมมือกันรักษาผลประโยชน์และอำนาจของกันและกัน ผ่านการออกแบบโครงสร้างและกลไกรัฐให้อยู่ในการควบคุมของตนเอง เป็นโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่เปิดช่องให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทัดทานอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง เปิดช่องให้ทหารเข้ามาแทรกแซงการเมือง และเปิดช่องให้ทุนใหญ่เข้ากุมอำนาจทางเศรษฐกิจเหนือตลาด
การตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่นำโดยพรรคเพื่อไทย แม้ทำให้ประยุทธ์หายหน้าไปจากการเมือง ประวิตรหายไปจากตำแหน่งในรัฐบาล แต่ “ระบอบประยุทธ์” ที่หมายถึงเครือข่ายผลประโยชน์ นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา ไม่ได้หายไปไหน และผลพวงจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จะยังคงอยู่กับเรา ตราบที่เราไม่เดินหน้ารื้อมรดก คสช. ซึ่งประกอบด้วยอย่างน้อย 3 วาระที่พรรคก้าวไกลพยายามผลักดันมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้ง ผ่านการยื่นกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้วยความหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลในการทำให้สำเร็จ
วาระ 1 = จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100%
ปัญหา : ในแง่การเมือง มรดกสำคัญของรัฐประหาร 2557 คือรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีเป้าหมายในการสืบทอดอำนาจของเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับคณะรัฐประหาร ผ่านการขยายอำนาจของสถาบันทางการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง (เช่น สว. ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ) ให้สามารถอยู่เหนือหรือแทรกแซงอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ทางออก : จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100% เพื่อพาสังคมไทยออกจากรัฐธรรมนูญ 2560 และสร้างประชาธิปไตยเต็มใบ ด้วยความเชื่อว่าหากสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะมีเนื้อหาที่พร้อมทำให้ทุกสถาบันทางการเมืองมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และพร้อมปิดช่องไม่ให้ศาลรับรองการทำรัฐประหาร และไม่ให้มีการนิรโทษกรรมผู้ก่อรัฐประหาร
สิ่งที่ก้าวไกลเดินหน้าแล้ว 2566-67 :
(1) สนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยการยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ. ประชามติ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ 200 คน ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
(2) ยื่นร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ คสช.ฯ เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งจากคณะรัฐประหารที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน (เป็นร่างกฎหมายด้านการเงิน – รอนายกฯ ให้คำรับรองเพื่อให้เข้าสู่การพิจารณาในสภา)
วาระ 2 = ปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน รื้อสภากลาโหม-ศาลทหาร
ปัญหา : การที่วันนี้สื่อมวลชนยังมีคำถามว่า ทหารจะรัฐประหารหรือไม่ ตอกย้ำให้เห็นชัดว่ากองทัพ ณ ปัจจุบันยังคงมีอำนาจหลายส่วนอยู่เหนือรัฐบาลพลเรือน สามารถแทรกแซงการเมือง หรือแม้แต่กิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจรักษาความมั่นคง เป็น ‘ขุนศึก’ ที่ถือครองที่ดินและธุรกิจโดยขาดการตรวจสอบจากประชาชน
ทางออก : ปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน เพื่อเอาทหารออกจากการเมือง และทำให้กองทัพเป็นกองทัพยุคใหม่ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ มีความโปร่งใสมากขึ้นในการดำเนินการและการใช้งบประมาณ และได้รับความไว้วางใจมากขึ้นจากประชาชน
สิ่งที่ก้าวไกลเดินหน้าแล้ว 2566-67 :
(1) ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบราชการกลาโหม เพื่อยกเลิกอำนาจพิเศษของกองทัพที่อยู่เหนือรัฐบาลพลเรือน รวมถึงการปรับโครงสร้างอำนาจ-ที่มาของสภากลาโหม และกระบวนการแต่งตั้งนายพล (บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาแล้ว รอการพิจารณาและลงมติในสมัยประชุมหน้า)
(2) เตรียมร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปศาลทหาร เพื่อป้องกันกระบวนการยุติธรรมหลายมาตรฐาน
วาระ 3 = ทลายทุนผูกขาด ปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า
ปัญหา : ทุนใหญ่ได้ขยายอำนาจและส่วนแบ่งตลาดในทุกภาคเศรษฐกิจที่สำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกด้านของปากท้องประชาชน ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ไฟฟ้า ผ่านสายสัมพันธ์ที่มีกับเครือข่ายคณะรัฐประหาร กองทัพ ระบบราชการ และผ่านกฎกติกาที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการผูกขาด
ทางออก : ทลายทุนผูกขาด จากเดิมที่ระบบเศรษฐกิจถูกครอบงำโดยผู้เล่นไม่กี่ราย ต้องเปลี่ยนเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้นระหว่างทุนใหญ่กับผู้ประกอบการรายย่อย
สิ่งที่ก้าวไกลเดินหน้าแล้ว 2566-67 :
(1) ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เพื่อปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ให้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันการผูกขาดทางเศรษฐกิจ (บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาแล้ว รอการพิจารณาและลงมติในสมัยประชุมหน้า)
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลไม่เพียงปรารถนาที่จะเห็น แต่เราได้ใช้ทุกกลไกและวิถีทางที่มีอยู่ แม้ในฐานะฝ่ายค้านปัจจุบัน ในการผลักดันลบล้างผลพวงรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ออกจากสังคมไทย
การต่อต้านและลบล้างผลพวงรัฐประหารย่อมไม่อาจเป็นจริงได้ผ่านเพียงคำพูด แต่ต้องพิสูจน์ผ่านการกระทำ
เราหวังว่ารัฐบาลจะร่วมกันผลักดัน “ทุกวาระ” ข้างต้นร่วมกับพรรคก้าวไกล เพื่อสร้างประชาธิปไตยเต็มใบให้เกิดขึ้นและตั้งมั่นในสังคมไทย ทำให้รัฐประหาร 2557 เป็นรัฐประหารครั้งสุดท้าย