“ธนาธร-ปิยบุตร” หอบเอกสารชื่อสมาชิกจดจัดตั้งพรรค “อนาคตใหม่” ชี้ไร้เหตุไม่ปลดล็อก

ธนาธร-ปิยบุตร หอบเอกสารชื่อสมาชิกจดจัดตั้งพรรค “อนาคตใหม่” คาดต้น ก.ย.เป็นพรรคสมบูรณ์ ย้ำคสช.ต้องปลดล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมือง เมินใช้ ม.44 โล๊ะ-ไม่โล๊ะไพรมารีโหวต ยันเดินหน้าสรรหาผู้สมัคร ส.ส. ตามกระบวนการกฎหมาย

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 21 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรค นำเอกสารและรายชื่อสมาชิกจำนวน 670 คน มาจดจัดตั้งพรรคหลังประชุมพรรค พร้อมทุนประเดิมพรรค 1,082,679 บาท โดยนายปิยบุตร ให้สัมภาษณ์ ว่า พรรคอนาคตใหม่ได้ตรวจเอกสารมาอย่างถูกต้องค่อนข้างสมบูรณ์ และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ กกต.คิดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบเอกสารประมาณ 45 วัน ดังนั้นอย่างช้าไม่เกินต้นกันยายน นายทะเบียนจะรับจดแจ้งให้อนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลจะหารือกับพรรคการเมือง นายธนาธรกล่าวว่า เราพร้อมเข้าร่วมและทำตามกติกาที่คสช.วางไว้ เพราะอำนาจอยู่ที่ คสช.และแม้เราจะไม่ไปร่วมประชุม ยังยืนยันว่าสิ่งที่ คสช.ต้องทำคือการคืนสิทธิเสรีภาพให้พรรคการเมืองและประชาชนให้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเสรี คืนความปกติให้สังคมไทยอย่างที่เรียกร้องมาตลอด ว่าประชาชนควรได้สิทธิในการแสดงความคิดเห็น พรรคการเมืองควรได้สิทธิในการรวมตัว อยากให้ทุกคนช่วยกันผลักดันให้การเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปอย่างที่รัฐบาลประกาศไว้ แต่ก็มีปัจจัยที่เหนือการควบคุมของเรา แต่สิ่งที่ทำได้คือทำให้พรรคเข้มแข็งและสมบูรณ์แบบ หากเดือนกันยายนพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคอย่างสมบูรณ์ เราก็อยากทำกิจกรรมเหมือนพรรคการเมืองทั่วโลกที่เคลื่อนไหวได้ เพราะต้องเตรียมการประชุมในการทำไพรมารีโหวต ซึ่งพรรคจะต้องจัดประชุมสาขาพรรค ประชุมสมาชิกสรรหาผู้คัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ดังนั้นหากจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ปฏิทินจะแน่นมากกว่าเราจะได้ผู้สมัคร ส.ส. ประมาณธันวาคมจะมีเวลาหาเสียงเพียง 1 เดือน

เมื่อถามถึงกระแสที่อาจจะไม่ใช้มาตรา 44 ยกเลิกจัดทำไพรมารีโหวต นายปิยบุตร กล่าวว่า สุดแท้แต่คสช.เพราะมีอำนาจ แต่ไม่ว่าจะยกเลิกหรือไม่ ก็ไม่กระทบกับพรรค เพราะเรามีแนวทางที่จะคัดเลือกผู้สมัครของพรรคตามกฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามควรมีการยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ที่จะเกิดขึ้น เป็นการเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานตามแบบอย่างประชาธิปไตย การเลือกตั้งที่จะเกิดจะไม่เป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบได้เลยถ้าหากพรรคการเมืองและประชาชนไม่มีเสรีภาพ ในการรณรงค์เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร พบปะพูดคุยกัน ดังนั้นไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะต้นปี กลางปี ปลายปีหน้า ก็ไม่มีเหตุผลที่ คสช.จะไม่ปลดล็อก

 

ที่มา : มติชนออนไลน์