“สุเทพ” ขอ 3.5 ล้านเสียง หวังได้ 50 ส.ส.ร่วมจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม ที่โรงแรมเดอะปาร์ค ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ปาฐกถาเรื่อง “ทำไมต้องปฏิรูปประเทศไทย” พร้อมรับฟังความคิดเห็นและเสียงสะท้อนการปฏิรูปประเทศของชาวเชียงใหม่ ครั้งแรก โดยมี พล.ท.นันทเดช เมฆสวรรค์ รักษาการกรรมการบริหารพรรครปช. นายบวร ศรีเปารยะ ประธานสาขาเชียงใหม่พรรค ประชาธิปัตย์ (ปชป.) นางบงกช ตุวานนนท์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ นางสุนทรีย์ เวชานนท์ ศิลปินนักร้องล้านนา พร้อมประชาชน และผู้สนใจเข้าร่วมฟังกว่า 100 คน ซึ่งนายสุเทพ ได้ใส่เสื้อหม้อฮ่อม ซึ่งเป็นเสื้อพื้นเมือง ขึ้นเวทีปาฐกถาโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งก่อนเข้าห้องประชุมนายสุเทพ ได้ทักทายและสวมกอดนายบวร ที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี

นายสุเทพกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การเมืองไทยไม่มีพรรคที่ประชาชนเป็นเจ้าของ แต่มีนายทุนเป็นเจ้าของพรรคการเมือง ต้องทำตามคำสั่งเจ้าของพรรคไม่ใช่ประชาชน ไม่มีใครยอมรับอำนาจประชาชน ทำให้หลักการประชาธิปไตยผิดไป ดังนั้นพรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงเป็นพรรคเดียวที่ประกาศให้ประชาชน เป็นเจ้าของพรรค มีส่วนร่วม และกำหนดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. หรือระบบไพมารีโหวต เพื่อมิให้เจ้าของ หรือกรรมการบริหารพรรคเข้ามายุ่งเกี่ยวส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งดังกล่าว

“ภาพรวมพรรรคส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทุกเขต หรือ 350 เขต ขอประชาชนลง คะแนนให้ 3.5 ล้านเสียง ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชือ หรือปาร์ตี้ลิสต์ 50 คน ดังนั้นพรรคตั้งเป้าได้ ส.ส.ทั่วประเทศ อย่างน้อย 50 คนขึ้นไป หากชนะเลือกตั้ง และมีโอกาสได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขอดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เท่านั้น เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีกว่าเดิม” นายสุเทพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสุเทพ ปาฐกถาเสร็จ ได้รับฟังความคิดเห็นและเสียงสะท้อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็น 5-6 ราย อาทิ การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อลดปัญหาทุจริตหรือคอร์รัปชั่น แก้ปัญหายาเสพติด พลังงานและน้ำมันราคาแพง แก้มลพิษเพื่อส่งเสริมท่องเที่ยวการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น โดยโยงเรื่องการตีระมังวัด และเสียง สวดอาจารย์ของมัสยิด นโยบายสวัสดิการผู้พิการ ผู้สูงอายุ และการส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งนายสุเทพใช้เวลาตอบคำถามเพียง 20 นาที

นายสุเทพให้สัมภาษณ์ ภายหลังรับฟังความคิดเห็นของชาวเชียงใหม่ ว่ามีการบ้านหลังรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว เพื่อจัดทำเป็นนโยบายพรรครวมพลังประชาชาติไทย มีเรื่องปากท้องของประชาชน แก้ปัญหายาเสพติด ดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ ค่าครองชีพ ราคาพลังงาน สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้จดบันทึกทั้งหมดแล้ว และมีแผนไปพบปะประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไปเรื่อยๆ จนกว่าถึงวันที่นำเสนอนโยบายอย่างเป็นทางการ ดังนั้นอยากให้มองการเมืองในแง่ดี ผมเชื่อว่าประชาชนตื่นตัว รู้กันทั่วประเทศว่า เรามีหน้าที่ทำบ้านเมืองสงบเรียบร้อย และสถานการณ์บ้านเมืองเป็นปกติสุข เชื่อว่าการเมืองระหว่างรอเลือกตั้ง หรือหลังเลือกตั้ง น่าเป็นไปในทิศทางที่ดี

Advertisment

“การเลือกตั้งครั้งหน้า ผมไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์พรรคอื่น อาจเกิดประเด็นที่เป็นปัญหากันเปล่าๆ แต่ละคนควรสนใจเรื่องตัวเอง สนใจเรื่องความอยู่รอดประเทศไทย และการอยู่ดีกินดีประชาชน ถึงออกตระเวนไปพบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหามากที่สุด ก่อนนำความคิดเห็นหรือเสียงสะท้อนดังกล่าว มากำหนดเป็นนโยบายพรรคไม่มีใครรู้ปัญหาของประชาชน เท่ากับตัวของประชาชนเอง เราไม่ประสงค์ไปวิพากวิจารณ์พรรคการเมืองอื่น เพราะอาจเกิดข้อขัดแย้ง เกิดปัญหา เราไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับใคร” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวอีกว่า หากพรรค มีผู้แทนราษฏร หรือ ส.ส.ในสภา 50 คนขึ้นไป เป็นพลังสำคัญที่จะผลักดันความคิดเรื่องการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมย์ประชาชนให้เป็นผลสำเร็จได้ จึงวางแผน และตั้งเป้าหมายได้ ส.ส. ประมาณนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้ ส.ส. ตามเป้าหมาย จะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีใครบ้างที่มีความตั้งใจจริงที่เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ใครที่ต้องการปฏิรูปประเทศคือผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน พร้อมจับมือทุกพรรคจัดตั้งรัฐบาล หากมีนโยบายและปฏิรูปประเทศในทิศทางสอดคล้องกัน และทำจริง ไม่ใช่เอาเรื่องอื่นมาพูดคุย เรื่องปฏิรูปประเทศต้องมาเป็นอันดับแรก

 

Advertisment

ที่มา : มติชนออนไลน์