สูตร “ไพบูลย์” 50 แลก 1 กกต.ยื้อเกม รื้อแต้ม ส.ส.พึงมี

เรื่องหนึ่งที่ยังเป็นปัญหา-ไร้คำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คือสถานะ “ส.ส.บัญชีรายชื่อ” ของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ยุบพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ตั้งขึ้นรับศึกเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ตามคอนเซ็ปต์หนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกฯสมัยสอง

เมื่อแผนการสำเร็จ “ไพบูลย์” ยุบพรรคตนเองมาเกาะขบวนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เกาะเกี่ยวความเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.ทั้งที่ ส.ส.พึงมีที่กำหนดไว้ให้ พปชร.มี ส.ส.ทั้งเขต และบัญชีรายชื่อได้ 116 คนส.ส.เขต 97 คน บัญชีรายชื่อ 19 คน

จึงมีปัญหาข้อกฎหมายว่า “ไพบูลย์” ที่ขอเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูป ไปอยู่ใน พปชร.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

เป็นเหตุให้ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ให้วินิจฉัยกรณีที่นายไพบูลย์ ขอเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งหากนายไพบูลย์จะไปสมัครอยู่พรรคการเมืองอื่นพร้อมกับตำแหน่ง ส.ส.ด้วยนั้น อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องสิ้นสุดไปตามการเลิกพรรคการเมือง และต้องทำให้การคิดคะแนนเฉลี่ยของพรรคการเมืองทั้งหมดเปลี่ยนไปด้วย หรืออาจเปลี่ยนไปตามกรอบระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560

เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. แต่ถึงบัดนี้ยังไร้คำตอบจาก กกต.

ตามรูปการณ์ ปัญหาสถานะของ “ไพบูลย์” ยังคงไม่มีปัญหา เพราะเขายังเป็น 1 ใน 500 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้ ในนาม พปชร.เพราะยังไม่มีการคำนวณ ส.ส.พึงมีใหม่

เว้นกรณีที่ กกต.ชี้มูลว่าเป็นการทุจริต และส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายใน 1 ปี หลังการเลือกตั้งทั่วไป จึงจะมีการนำคะแนนมาคำนวณ ส.ส.พึงมีใหม่ ตามมาตรา 94 ของรัฐธรรมนูญ

เช่นเดียวกับเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม ที่ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” จากชาติไทยพัฒนา ชนะ “ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร” ของอนาคตใหม่ ที่เป็นการเลือกตั้งซ่อมจากเหตุลาออกของ ส.ส.ไม่ใช่การทุจริต จึงไม่มีการคำนวณ ส.ส.พึงมีใหม่

ทำให้ ส.ส.พึงมีของชาติไทยพัฒนา เกินไป 1 ที่นั่ง จากที่มี ส.ส.พึงมีได้ 10 คน หลังเลือกตั้งซ่อมนครปฐม จำนวน ส.ส.ในสภามี 11 คน ส่วน ชชอนาคตใหม่ ขาดไป 1 ที่นั่ง จาก ส.ส.พึงมี 81 คน แต่มี ส.ส.ตัวเป็น ๆ ในสภา 80 คน

ดังนั้น มีรายงานว่า เพื่อไม่ให้เกิดการเดดล็อกและการเมืองปั่นป่วน กรณีที่ กกต.แจกใบเหลือง ให้มีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 2562 แก่ “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ จากกรณีบุคคลใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ ซึ่ง กกต.เห็นว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (1) ให้เสนอให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเอง

ยังไปไม่ถึงไหน…มีแนวโน้มลากยาวทั้งกระบวนการใน กกต. จนถึงกระบวนการส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ยังไม่นับกระบวนการที่ศาลจะต้องไต่สวนคดีใหม่

เข้าตามเกมรัฐธรรมนูญมาตรา 94 วรรคสอง ระบุว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง ไม่ว่า ด้วยเหตุใดภายหลังพ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันเลือกตั้งทั่วไป มิให้มีผล กระทบกับการคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคการเมืองจะพึงมี

เข้าสูตร 50 แลก 1 หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบแล้วปาร์ตี้ลิสต์ 38 คน อาจจะย้ายไปอยู่พรรคใหม่ – ใหญ่กว่าเดิม