“สนธิรัตน์” ปัดเตะถ่วงเลือกหัวหน้า-เลขาพปชร. คนใหม่ เดินสายพบ “โหวตเตอร์”

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรมว.พลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนภายในพรรคพลังประชารัฐ ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพ.ร.ป.พรรคการเมืองและข้อบังคับของพรรคพปชร.ตามที่หัวหน้าพรรคและนายทะเบียนพรรคได้ชี้แจงถึงขั้นกรอบเวลาการจัดประชุมใหญ่ ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 45 วัน ไม่มีการเมืองเตะถ่วงหรือยืดเยื้อแต่อย่างใด ส่วนตนของดแสดงความคิดเห็นทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพปชร. ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสมาชิกพรรค และการปรับรัฐมนตรีที่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

“ตอนนี้ตนขอเดินหน้าทำงาน โดยเฉพาะด้านพลังงานที่จะมีส่วนช่วยในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งระบบ”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เช่น การนำระบบบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ดูแลการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งระบบ เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาผลผลิตที่เป็นธรรม ราคาสอดคล้องกันทั้งระบบ Value Chain โดยรายได้ตกสู่เกษตรกรอย่างแท้จริง ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานอยู่ระหว่างทำโครงการนำร่องเพื่อทดสอบระบบ มิเช่นนั้น ชาวสวนปาล์มไทยที่เก็บผลผลิตได้เป็นอันดับ 3 ของโลก ก็จะไม่เกิดประโยชน์หากยังถูกกดราคา ไม่อาจมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ นโยบายพลังงานเพื่อทุกคน ในช่วงนี้จึงมุ่งเน้นในวงกว้างตะแต่พลังงานในระดับฐานรากของทุกชุมชน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ร่วมพบปะกับกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และร่วมเสวนาถึงทิศทางใหม่ของการทำสวนปาล์มน้ำมัน เกี่ยวกับราคาปาล์มที่ผันผวนมาตลอด ยิ่งในสถานการณ์ช่วง COVID-19 ขึ้น ยิ่งทำให้คนใช้น้ำมันน้อยลง ประกอบกับเข้าสู่ฤดูกาลผลิตปาล์ม ก็ยิ่งทำให้ผลผลิตปาล์มล้นตลาด โดนกดราคา ราคาตกต่ำ แต่ระบบ Blockchain จะก่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม 3 ด้าน คือ 1) เกิดสมดุลการใช้ปาล์มกับผลผลิตครั้งแรกในประเทศไทย .

2) ปลายทางของ CPO ไปตอบสนองราคาต้นทางของพี่น้องเกษตรกร

และ 3) ผลพลอยได้ ก็คือ ป้องกันการลักลอบนำเข้า เพราะคุมกระทั่งว่าซื้อจากสวนไหน ปริมาณเท่าไหร่ จะไม่มี CPO ส่วนเกิน

ทั้งหมดนี้ จะทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพียงใช้แอพลิเคชั่นกรอกชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน ก็จะทำให้ขายปาล์มได้เงินเยอะขึ้นจากราคาที่เป็นธรรม