ประยุทธ์ ลั่น พาคนไทยรอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ชูพลังอำนาจใหม่ด้านวัฒนธรรม

ประยุทธ์ แถลงนโยบาย 4 ข้อ ก่อนเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ลั่น พาคนไทยรอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ชูพลังอำนาจใหม่ด้านวัฒนธรรม ดันไทยแถวหน้าอาเซียน ไม่เข็ด ดึง คนมีชื่อเสียง-ทั่วโลกยอมรับ แทน ลิซ่า

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมศบค. ว่า ตามที่ตนได้ประกาศไปแล้วว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ จะเป็นวันเริ่มเปิดประเทศ โดยมีชาวต่างชาติและชาวไทยที่เดินทางมาทางอากาศจาก 46 ประเทศชั้นแรกนี้ ให้เข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งจะมีมาตรการหลายมาตรการอยู่ตรงนี้ด้วย ในส่วนของความร่วมมือที่ตนต้องการได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน สถานประกอบการและสมาคมต่าง ๆ ประกอบด้วย 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ทุกคน ทุกส่วน ทุกสมาคม ต้องช่วยกันระมัดระวังอย่างเต็มที่ และปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ข้อสำคัญ ทุกคนต้องมีวินัยในตัวเองไม่เป็นผู้แพร่เชื้อโควิด-19

2.มาตรการเดินทางเข้าเส้นทางอื่น ต้องมีการกำหนดมาตรการไว้ก่อน ทั้งทางบก ทางน้ำ ยังคงต้องมีการกักตัวเช่นเดิม เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง มีการจับกุมผู้ลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนโดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน

“ในส่วนการค้าขายตามแนวชายแดนมอบนโยบายให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้มีอำนาจในการเปิดจุดผ่อนปรน เพื่อให้มีการซื้อขายสินค้าเป็นไปตามข้อเรียกร้องในส่วนของมติอาเซียน โดยจะทยอยเปิดให้ ทั้งนี้จะต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีพ่อค้า แม่ค้า ลูกค้ามาเผชิญหน้ากันอยู่ในตลาด จำกัดพื้นที่ในการขนส่งสินค้าตรงกลางของแต่ละฝั่ง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ”

3.บุคลากรทางการแพทย์ เป็นที่ทราบดีว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่ จึงต้องมีแผนเผชิญเหตุ มีแผนเตรียมการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วย อาทิ โรงพยาบาลสนาม พื้นที่สำหรับการกักตัว/แยกกัก ก็ต้องมีความพร้อมเช่นเดิมหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น

“สำหรับการจัดหาเวชภัณฑ์ ยา ได้เร่งรัดการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) เพิ่มเติมแล้ว เพื่อไม่ให้ไทยอยู่ท้ายแถว เมื่อมียามาใหม่ โดยขอความร่วมมือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน+3 และเอเชียใต้ ซึ่งไทยก็กำลังวิจัยยาประเภทนี้อยู่ด้วย จึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาและประเทศไทยจะดำเนินการจองไว้ล่วงหน้าตามความจำเป็น ควบคู่ไปกับการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ให้เพียงพอด้วย”

“ยังได้เร่งรัดให้มีการพัฒนาสารสกัดสมุนไพรไทยเพิ่มเติม นอกเหนือจากฟ้าทลายโจร และศึกษาว่า มีสารสกัดจากสมุนไพรไทยชนิดได้ที่สามารถใช้การดูแลรักษาโควิด-19 ในชั้นต้นได้ แต่ต้องมีความปลอดภัย”

4.เมื่อเราประกาศไปทั่วโลกรู้ถึงการเปิดประเทศไปแล้วนั้น แต่ขอทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่ว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาในทันที สั้น ๆ มาก ๆ จากการดำเนินโครงการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 40,000 คน ตั้งแต่ก.ค.เป็นต้นมา และท่องเที่ยวไปยังหลายพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เราจำเป็นต้องประกาศให้ทั่วโลกรู้ หลายประเทศกำลังทำตามเรา และจัดทำพื้นที่ท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์ตามรูปแบบของประเทศไทย

“การที่จะเดินทางเข้ามาไม่ใช่การเพียงการที่ประกาศแล้วมาได้เลย แต่ละประเทศต้องมีการประเมิน วางแผน เตรียมการให้มีความพร้อม รวมถึงการหารือกับประเทศต้นทางว่าอนุญาตให้มีการเดินทางออกมานอกประเทศได้หรือไม่ และศึกษามาตรการที่เราวางไว้ว่าประเทศต่าง ๆ สามารถปฏิบัติได้หรือไม่ โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการพิจารณาท่องเที่ยวในช่วง High Season คาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มการเดินทางในช่วงปลายปีที่ถือว่าเป็น High Season สำหรับการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเจตนารมณ์ทางการเมือง คือ ประเทศไทยมีการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอความร่วมมือจากผู้ที่เห็นต่าง ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศไทยที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขอให้ร่วมมือกันไม่สร้างความรุนแรงบนท้องถนน หรือสร้างภาพความเสียหาย เพราะอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีความกังวลและไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ภาพเหล่านี้จะออกไปต่างประเทศทุกครั้ง ขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุด

“สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมกำลังคิดอยู่ ที่รัฐบาลคิดอยู่ คือ การทำให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาหาทำมากินตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนถึงห่วงโซ่ต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุดิบ เช่น อาหาร ผัก หญ้า เครื่องดื่ม อาหาร เพื่อทำให้สามารถกลับมาประกอบกิจการและซับพอร์ตในการเปิดประเทศ รวมถึงการจ้างงาน และเพิ่มรายได้ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะสถานบริการอย่างเดียว เช่น ขนส่ง คมนาคม การบิน ซึ่งมีแผนเปิดเที่ยวบินอีกหลาย 10 กว่าประเทศ เมื่อมีความพร้อม ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ด้วย”

ทั้งหมดนี้ คือ หลักการ นโยบาย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องประกาศให้เกิดความชัดเจนขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดของมาตรการจำนวนมากในการเข้าประเทศไทยของแต่ละประเทศ ขอทุกคนให้ความร่วมมือ ตระเตรียมความพร้อมสถานที่ให้มีความพร้อมและรับผิดชอบร่วมกัน นอกจากนี้ มีรายละเอียดในการปรับพื้นที่ควบคุมในแต่ละจังหวัด จะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุดต่อไป

“วันนี้นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงหลักการและนโยบายในการเปิดประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และทำให้คนไทยรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจไม่มากก็น้อย ส่วนมาตรการเยียวยาอื่น ๆ รัฐบาลก็เติมไปให้เรื่อย ๆอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ทุกคนก็ได้รับมาตรการเยียวยาที่ทยอยออกไปตามลำดับ เราเป็นประเทศที่ดูแลประชาชนได้มากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา เป็นรองประเทศที่มีเงินเยอะ ๆ ไม่กี่ประเทศ เราไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการแสดงต่าง ๆ คนสนใจเรื่องการมาของลิซ่า ศิลปิน k-pop ชาวไทย ต้องเห็นใจ เราพยายามติดต่อมาแล้วเป็นเวลานานพอสมควร แต่ไม่สามารถเคลียร์วัน เวลาได้ จึงจำเป็นต้องเลื่อนออกไป มาไม่ได้ในช่วงนี้ วันหน้าเขาก็มีโอกาสมาอีก

“ผมให้แนวทางว่า วันนี้การแสดงของคนต่างประเทศบ้าง คนที่มาได้ คนที่มีชื่อเสียง คนที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกมา และให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปหาการแสดงที่เป็นวัฒนธรรมของไทย 5 ภาค มาจัดแสดงกิจกรรมสลับกัน เพื่อให้คนตื่นเต้น ให้คนถ่ายรูป ให้คนมีความประทับใจในวัฒนธรรมของไทย”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การประชุมอาเซียนในห้วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา ถือว่าผ่านไปด้วยดี จากการหารือพูดคุยในที่ประชุมอาเซียนนั้น ยังคงยึด 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน หลายประเทศมีอำนาจความมั่นคง มีความเข้มแข็งทางกองทัพ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศขนาดเล็กที่ไม่ใหญ่โตมากนัก แต่มีความสามารถทางด้านการเกษตร มีวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงาม ต่างชาติให้ความชื่นชอบ ต่างชาติให้ความสนใจ เป็นโอกาสของประเทศไทย เป็นพลังอำนาจใหม่ด้านวัฒนธรรมที่ประเทศไทยอยู่อันดับต้นของโลก เป็นอำนาจสำคัญของประเทศไทยที่มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษา อย่าทำลาย เพราะเป็นอำนาจใหม่

“เราต้องหยิบจับอะไรที่มีความสามารถมา และมาทำต่อให้ดีที่สุด ไม่ใช่เลิก ไม่ใช่ล้ม แล้วเราจะมีอะไรเหลือ ถ้าเราไม่เข้มแข็งด้านความมั่นคงทางทหาร เศรษฐกิจเราก็ต้องพึ่งพาเขา แต่เรื่องวัฒนธรรมประเพณี เป็นสิ่งที่เราขายได้ มีราคาได้ คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในการประชุมอาเซียนที่ผ่านมายังได้พูดคุยถึงการร่วมพัฒนาวิจัยวัคซีนด้วยกัน ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการแลกเปลี่ยนและบริจาควัคซีน ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

“รัฐบาลพยายามทำอย่างยิ่งยวดให้ไทยเดินหน้าไปได้ ทำให้เกิดการพลิกโฉมประเทศไทยได้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการพลิกโฉมประเทศไทย”