“บิ๊กตู่” หยอดคำหวาน “ใครเกลียด..จะยิ่งรักให้มาก” ย้ำไม่ได้หาเสียง-เป็นนายกฯที่ไม่เอาใจคน

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่หอประชุมเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้เยี่ยมชมตลาดประชารัฐ ซึ่งมีอาหารพื้นบ้านมาจัดแสดงหลายชนิด โดยนายกฯได้ร่วมทำลอดช่องกะลา และชิมทองม้วนมะพร้าวอ่อน และข้าวยำ จากนั้นนายกฯ พบปะประชาชนประมาณ 500 คน และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ได้แก่ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา พัทลุง ระนอง และสุราษฎร์ธานี

นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ยังปลดทุกให้ทุกคนไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน และบางอย่างต้องบังคับใช้กฎหมาย จะต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขอให้ลดลงบ้าง มันมีช่องทางเยอะ

“ผมมาวันนี้ไม่ได้มาจับผิดจับถูก ไม่ได้มาหาเสียง หรือมาทำให้ทุกคนรัก แต่ผมรักทุกคน ใครเกลียดผม ผมก็จะรักเขาให้มากกว่าเดิม เติมความดีให้เขา ให้อภัย เพราะนั่นคือคนไทย แต่บางคนไม่น่าให้อภัย เติมความดีให้แล้วก็ยังไม่ดี คนไทยไม่เคยขัดแย้ง แต่วันนี้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา เพราะโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ข่าวสารในโซเชี่ยลมีเดียบางอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขอให้ตรวจสอบกันด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหา ถ้าเราต้องการประชาธิปไตยก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการทำงานตนคิดแบบทหาร แต่ต้องทำงานอย่างพลเรือน พร้อมกับดึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาช่วย และการทำงานวันนี้จะต้องทนต่ออุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ป่าไม้ พืชผลการเกษตร โดยต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมด เพราะเกิดในประเทศไทย จึงอยากตายในประเทศไทย แต่ปัญหาของเรายังมีเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงจะแก้ปัญหาความยากจนไม่ได้ ประชาชนต้องรับรู้ข่าวสารว่ารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง ไม่ใช่จะคอยแต่วิจารณ์รัฐบาลอย่างเดียว ทุกคนรู้ว่าตนมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วต้องรู้ด้วยว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็คงไม่เข้ามา แต่เมื่อเข้ามาแล้วอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งที่ตนได้ทำไว้ให้คงอยู่ อย่าให้ปัญหากลับมาอีก

“ผมยืนยันว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น แม้ชาวบ้านอาจจะบอกว่าไม่เห็นดีขึ้นตรงไหน แต่สิ่งสำคัญคือเราได้ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ เพราะผมเป็นนายกฯที่ไม่เอาใจคน ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมบริหารงานในแบบของผม ดูแลประชาชนโดยไม่เลือกว่าใครสนับสนุนผม โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ(อีอีซี) คือเครื่องจักรใหม่ ถ้าโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น บอกได้เลยว่าเราจะสู้เขาไม่ได้ วันนี้เราไม่มีแหล่งเงินทุนแล้ว รัฐไม่ได้ตูดขาด แต่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเงินลงทุนโครงการต่างๆ เรื่องความมั่นคงก็ต้องลงทุน เพื่อทำให้ประเทศมีตัวตน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า วันนี้ผมยอมรับว่าอาจจะทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ตั้งใจทำเพื่อแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด

Advertisment

 

ที่มา มติชนออนไลน์