ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คุก8เดือนไม่รอลงอาญา พล.ต.จำลอง-5 บิ๊กพธม. บุกทำเนียบปี’51 ทนายยื่นประกัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์

จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จำเลยกับพวกได้ปราศรัยชักชวนให้ประชาชนกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ลาออก แล้วปิดล้อมเข้าควบคุมทำเนียบรัฐบาล ห้ามราชการเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์

ซึ่งเมื่อถึงเวลานัด จำเลยทุกคนมาศาล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายสนธิมาฟังคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า โจทก์มีรองเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักสถานที่ดูแลรักษาความเรียบร้อย สันติบาล 4 ปาก เบิกความคงรายละเอียดเหตุการณ์ที่จำเลยทั้ง 6 ที่เป็นแกนนำ และผู้ชุมนุม ที่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและได้นำรถ 6 ล้อเข้าไปตั้งเวทีปราศรัยหน้าสนามหญ้าทำเนียบรัฐบาล มีการตัดโซ่ที่คล้องประตูสองชั้นรวมทั้งผลักดันแผงเหล็กกั้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดไว้ เพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งการกระทำนั้นส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบรดน้ำ, สนามหญ้าที่ตายทั้งหมด และระบบไฟในสนามหญ้า ศาลจึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นการกระทำฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวสมทบเนื่องกันแต่ผิดกฎหมายหลายบท

การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาฐานบุกรุกนั้นชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ โดยอ้างเหตุว่าจำเลยเป็นผู้มีการศึกษา มีสถานะทางสังคม และได้ทำงานสังคม อีกทั้งไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน กับการชุมนุมนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะนั้น ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบุกรุกทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ซึ่งการที่จำเลยจะใช้เสรีภาพนั้นก็จะต้องไม่กระทบต่ออำนาจหน้าที่อื่น และเพื่อไม่ให้การกระทำของจำเลยนั้นเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงเห็นควรพิพากษาลงโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์จึงพิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี ให้เป็นจำคุก 1 ปี โดยลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้ง 6 เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา

ต่อมา นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความ เปิดเผยว่า เตรียมยื่นหลักทรัพย์ สำหรับ 5 แกนนำคนละไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนนายสนธิ ไม่ได้ยื่นเนื่องจากถูกจำคุกในคดีอื่น โดยจะพยายามยืนฎีกาต่อสู้คดีให้ทันภายในวันนี้ด้วย

ด้านบรรยากาศ มีประชาชนเข้าร่วมฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจจำเลยเป็นจำนวนมากกว่า 50 คน จนล้นห้องพิจารณาคดี

 

ที่มา : มติชนออนไลน์