คนกรุงอ่วม “เสี่ยโอ๋” ไฟเขียวขึ้นค่าแท็กซี่-รถติดคิดนาทีละ3บาท มีผลไม่เกิน15ต.ค.นี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลหารือร่วมกับผู้ประกอบการแท็กซี่และกระทรวงคมนาคมโดยกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ได้ข้อสรุปร่วมกัน คือ ค่าโดยสารยังเริ่มต้น 1 กิโลเมตร ยังคง 35 บาทเท่าเดิม จากนั้นระยะทางเกินกว่า 1-10 กิโลเมตร ปรับขึ้นกิโลเมตรละ 50 สตางค์จาก 6 บาท/กิโลเมตร เป็น 6.50 บาทต่อกิโลเมตร เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปตท.จะเลิกอุดหนุนค่าก๊าซCNG ให้กับผู้ประกอบการรถสาธารณะ ซึ่งกรมการขนส่งได้ทบทวนแล้วการปรับอัตราCNG เพิ่ม 1-2 บาท จะส่งผลต่ออัตราค่าจ้างระยะทางเกินกว่า 1-10 กิโลเมตร

ส่วนระยะทางจากนี้จะยังคงอัตราเดิม คือ ระยะทางเกินกว่า 10-20 กิโลเมตร ราคา 7 บาท/กิโลเมตร เกินกว่า 20-40 กิโลเมตร ราคา 8 บาท/กิโลเมตร เกินกว่า 40-60 กิโลเมตร ราคา 8.50 บาท/กิโลเมตร เกินกว่า 60 กิโลเมตร ราคา 9 บาท/กิโลเมตร และเกินกว่า 80 กิโลเมตรอยู่ที่ 10.50 บาท/กิโลเมตร ทั้งนี้กรณีที่รถไม่สามารถเคลื่อนที่ได้หรือกรณีรถติดจะเก็บในอัตรานาทีละ 3 บาท/นาที สำหรับรถแท็กซี่ทุกประเภท จากเดิมเฉพาะรถแท็กซี่VIP เท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องอุปกรณ์ติดตั้งรถกรณี TAXI OK ทางผู้ประกอบการแท็กซี่ขอให้ใช้เทคโนโลยีที่เป็นดิจิทัลใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งก็เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วในการให้บริการรถโดยสารสาธารณะโดยใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ ได้ให้กรมการขนส่งทางบกรับไปดำเนินการภายใน 1 เดือนนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการแท็กซี่เข้าระบบ และจะยกเลิกระบบTAXI OKที่เป็นภาระต่อผู้ประกอบการแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีภาระจ่ายค่าบริการ 350 บาท/ เดือน

“อายุรถทางผู้ประกอบการขอขยายจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ก็ไม่ขัดข้อง แต่รถต้องมีมาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกตรวจสอบทุก 3 เดือน ถ้ามาตรฐานและคุณภาพเป็นไปตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดก็สามารถให้บริการต่อไปได้ แต่ถ้าไม่ถึงจะต้องหยุดบริการทันที เพื่อคำนึงถึงประชาชนที่มาใช้บริการจะต้องใช้บริการรถที่ได้มาตรฐาน แม้กรมการขนส่งทางบกจะเป็นผู้ที่ตรวจสอบแต่พี่น้องประชาชนก็สามารถจะช่วยเรื่องนี้ได้”

นายศักดิ์สยามกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการจดทะเบียนเป็นTAXI VIP เดิมกรมการขนส่งทางบกกำหนดจะต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น จะปลดล็อกโดยให้กรมการขนส่งทางบกนำมาตรฐานมาเป็นตัวตั้งในการพิจารณา เช่น อุปกรณ์รถ จำนวนแรงม้าเท่าไหร่ ถ้าผ่านก็สามารถเข้าจดทะเบียนเป็นTAXI VIPได้

ด้านการกำหนดอัตราค่าเชอร์ชาร์จสำหรับรถแท็กซีที่ให้บริการภายในสนามบิน ในส่วของรถปกติจะเก็บ 70 บาท รถใหญ่เก็บ 90 บท คิดค่าขนสัมภาระขนาด 26 นิ้วขึ้นไป ซึ่งสัมภาระ 2 ชิ้นแรกจะไม่คิด ชิ้นถัดไปเก็บชิ้นละ 20 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะประสานไปยังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือทอท. ให้ติดประกาศราคาให้ผู้โดยสารได้รับทราบต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต่างประเทศก็ทำกัน

“การปรับค่าโดยสารใหม่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่มีข้อสรุปร่วมกันเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีการผูกขาด เช่น ทำแอปพลิเคชั่นแท็กซี่ให้สมบูรณ์เพื่อให้รถแท็กซี่ 8 หมื่นคันเข้าระบบ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะต้องเร่งพัฒนาระบบให้เสร็จใน 1 เดือนนี้ คาดว่าไม่เกิน 15 ตุลาคมนี้ แต่ถ้าดำเนินการได้เร็วก็อาจจะให้ขึ้นได้เร็วกว่านั้น ซึ่งจะออกประกาศกระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบกปรับแก้มาตรการค่าโดยสารแท็กซี่ “

นายศักดิ์สยามกล่าวอีกว่า ส่วนกรณี GrabTaxi ต่อไปจะต้องเข้าสู่ระบบนี้ด้วย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะต้องไปแก้ข้อกฎหมายเพื่อให้ถูกต้อง เช่น กำหนดประเภทรถ เพื่อให้รถส่วนบุคคลมาอยู่ในบริการสาธารณะด้วย แต่ต้องเป็นผู้ประกอบการไทยเท่านั้นถึงจะให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น