“ยูนิโคล่ ประเทศไทย” สานต่อปฏิบัติการความยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ของ “ฟาสต์ รีเทลลิ่ง กรุ๊ป” บริษัทแม่จากประเทศญี่ปุ่น ที่มุ่งทำให้โลกน่าอยู่ด้วยพลังของเสื้อผ้าตามแนวคิดไลฟ์แวร์ (LifeWear) โดยไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมุ่งผลิต ขนส่ง และขายเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น โดยทีมงานทุกสาขาทั่วโลกมีส่วนสำคัญต่อการเดินปฏิบัติภารกิจนี้
ขณะเดียวกัน จะต้องรักษาการเติบโตของธุรกิจ และริเริ่มแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเป็นหนึ่งในบริษัทยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ล่าสุด ยูนิโคล่ ประเทศไทย ร่วมมือกับบริษัท รีแอค จำกัด (ReAcc) ภายใต้การดูแลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรด้านสังคม และโลกที่ยั่งยืน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ระยะยาว
“โยชิทาเกะ วาคากุวะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าโควิด-19 จะสร้างความปั่นป่วนทั่วโลก และหลายภาคส่วนกำลังหาวิธีเอาชนะโรคระบาดนี้ แต่ยูนิโคล่ยังคงดำเนินตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน
โดยแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2030 ของฟาสต์ รีเทลลิ่ง ประกอบด้วยความคิดริเริ่มสำคัญ 2 ประการ คือผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม และผลิตเสื้อผ้าที่ดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับด้านผู้คนและสังคม ยูนิโคล่ ประเทศไทย ร่วมมือกับองค์กรหลายภาคส่วน อาทิ ร่วมกับสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต จัดทำหลักสูตรอบรมเพื่อพัฒนาทักษะด้านการทำงานให้แก่ผู้บกพร่องทางสติปัญญา เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
ทั้งยังร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสนับสนุนงานด้านวิชาการ โดยความร่วมมือกันในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันสร้างแผนงานธุรกิจที่มุ่งเน้นกิจกรรมด้านความยั่งยืน ภายใต้งาน CHULA EXPO 2022 (งานจุฬาฯ วิชาการ’65)
ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ฟาสต์ รีเทลลิ่ง บริษัทแม่ของเรามีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 ซึ่งยูนิโคล่ ประเทศไทย ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ร้านค้า และสำนักงาน 90% นอกจากนั้นยังลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้า 100% ที่ร้านของยูนิโคล่
โดยทำงานร่วมกับ ReAcc ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซื้อขายพลังงานสะอาดและความเป็นกลางทางก๊าซเรือนกระจกในเครือ ปตท. ด้วยการซื้อใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificates (RECs) จาก ReAcc ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม
ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ทดแทนมาจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด เพื่อนำไปใช้ในร้านยูนิโคล่ทุกสาขาในประเทศไทย ซึ่งเราตั้งเป้าชดเชยการปล่อยคาร์บอน 100% จากไฟฟ้าที่ร้านสาขาและสำนักงานภายในปี 2023 นอกจากนั้น ยูนิโคล่ ประเทศไทย ตั้งใจลดใช้วัตถุดิบใหม่ 20% โดยเพิ่มสัดส่วนใช้วัสดุรีไซเคิลในผลิตภัณฑ์ 50%
ภายใต้ภารกิจสร้างขยะเป็นศูนย์ (zero waste) ซึ่งเราร่วมมือกับ SCGP ด้วยการนำกล่องกระดาษเหลือใช้ตามสาขาต่าง ๆ กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เฟอร์นิเจอร์กระดาษ และกระดาษพิมพ์เขียน
“โยชิทาเกะ วาคากุวะ” กล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรรมผลิตเสื้อผ้าเกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรน้ำจำนวนมาก โดยเสื้อ 1 ตัวใช้น้ำประมาณ 2,700 ลิตร และกางเกงยีนส์ 1 ตัวใช้น้ำประมาณ 10,000 ลิตร ด้วยเหตุนี้ ยูนิโคล่ ประเทศไทย จึงพลิกโฉมวงการอุตสาหกรรม
ในการแต่งผิวผ้ายีนส์ด้วยกระบวนการ BlueCycle ซึ่งเป็นการแต่งผิวผ้าด้วยเลเซอร์แทนกระดาษทราย สามารถลดปริมาณน้ำที่ใช้ในกระบวนการซักฟอกและแต่งผิวผ้ายีนส์ได้ถึง 99%
ในฐานะหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายชั้นนำระดับโลก ยูนิโคล่ ประเทศไทย เห็นว่าการสร้างความยั่งยืนเป็นหน้าที่ของเราที่จะตอบสนองความต้องการของสังคมในเชิงรุก และช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เราจึงให้ความสำคัญในทุกด้าน
ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ผู้คน และสังคม รวมไปถึงการดึงแรงสนับสนุนจากสังคม และทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มาจากภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่มีเป้าหมายในการสนับสนุนชุมชนทั่วประเทศไทยร่วมกัน
“ประสงค์ อินทรหนองไผ่” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวเสริมว่า การให้บริการซื้อขายพลังงานสะอาด และความเป็นกลางทางก๊าซเรือนกระจกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มให้แก่บริษัทที่ต้องการจัดหาพลังงานหมุนเวียนของ ReAcc เป็นหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานไฟฟ้าดังกล่าวได้ง่าย
และสะดวก
ReAcc พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการใช้เชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในกลุ่มธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตของ ปตท. โดยมีบริการหลัก 3 อย่าง ได้แก่ การซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC), การซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ power purchase agreement (PPA) และการใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนกับรถยนต์ไฟฟ้า
“ความร่วมมือกับยูนิโคล่ ประเทศไทย ครั้งนี้ ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยเห็นตัวอย่าง การทดแทนการใช้พลังงานสิ้นเปลือง ด้วยการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเพิ่มศักยภาพการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืนของประเทศสู่เวทีโลกในอนาคตต่อไป”
“ดนัยเดช เกตุสุวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า SCGP มี ESG เป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผู้บริโภค ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสังคม บนพื้นฐานของความโปร่งใสตรวจสอบได้
ยูนิโคล่ ประเทศไทย มีวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นที่สอดคล้องกับ SCGP เราจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ส่งเสริมพฤติกรรมการคัดแยกวัสดุเหลือใช้ตั้งแต่ต้นทาง ภายใต้การดำเนินการของแบรนด์ SCGP Recycle
ด้วยการจัดเก็บกล่องกระดาษเหลือใช้ของยูนิโคล่ ประเทศไทย นำมารีไซเคิลเป็นวัตถุดิบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์กระดาษที่แข็งแรง และสวยงาม เพื่อส่งมอบให้ค่ายผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดกาญจนบุรี นำไปใช้ประโยชน์ใหม่
และอีกส่วนหนึ่งเปลี่ยนเป็นกระดาษพิมพ์เขียน เพื่อใช้งานในยูนิโคล่ 32 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพราะสามารถจัดเก็บกล่องกระดาษเหลือใช้ได้แล้วกว่า 97 ตัน พร้อมขยายผลความร่วมมือไปยังยูนิโคล่สาขาอื่น ๆ ทั่วประเทศ
นับว่า ยูนิโคล่ ประเทศไทย มุ่งสร้างสังคมให้ดีกว่าเดิม ผ่านแนวคิดไลฟ์แวร์ (LifeWear) ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่หนึ่งในบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป้าหมายการเป็นเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นจากมุมมองของผู้คน ชุมชน และโลก