เดือดอีกรอบ! เพจดังลงโปสเตอร์โปรโมทหนัง ‘ปั้นจั่น’ แสดง ทำคนรุมคอมเมนต์ยับ บอก ‘ไม่ว่างไปดู ต้องทำมาหากิน’

จากกรณี นายปรมะ อิ่มอโนทัย ‘ปั้นจั่น’  นักแสดงชื่อดัง ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวบอกคนด่าคสช. ว่า “คสช อยู่มา 4-5 ปี บอกสืบทอดอำนาจ ได้อยู่ต่ออีก 3 ปี ก็ยังบอกสืบทอดอำนาจ แล้วไอ้ที่สืบๆ กันมาจนลูกจบนอกขับรถซุปเปอร์คาร์นี่มันยังไง ตรูไม่เห็นจะมีนักการเมืองใช้ชีวิตธรรมดาสักคน ต้นทุนบางคนที่ได้มาพ่อแม่ก็เอามาจากภาษีประชาชนทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าบ่นมาก ทำมาหากินไปมีเยอะก็เอาไปช่วยคนอื่นละกัน ทำบุญเยอะๆ ไม่ใช่แ_กแต่เหล้าปาร์ตี้มันทุกคืน”

ทำให้โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสร้อน จนส่งผลให้เจ้าตัวถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยมีแฟนคลับบางกลุ่มเข้าไปบอกว่า เรื่องบางเรื่องแค่คิดก็ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ เพราะอาจจะไปสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่เห็นต่างจะไม่ยอมลดละ  ส่วนแฟนคลับอีกกลุ่มก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะเลิกติดตามทั้งไอจีและผลงาน กระทั่งในเวลาต่อมาหนุ่มปั้นจั่นเองทนกระแสสังคมไม่ไหว ต้องลบโพสต์เจ้าปัญหาออกไป

ล่าสุด 13 มิถุนายน แม้จะผ่านมาหลายวัน แต่ดูเหมือนว่าแฟนคลับยังไม่ลืมกระแสดราม่าดังกล่าว เพราะทันที่เพจเฟซบุ๊ก ‘Major Group‘ ได้เผยแพร่โปสเตอร์ภาพยนตร์ “รัก2ปี ยินดีคืนเงิน” ที่หนุ่มปั้นจั่นรับบทเป็นนักแสดงนำคู่กับ นางเอกสาวเอสเธอร์ ที่จะเข้าฉายในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ กลับปรากฎว่ามีคนเข้าไปแสดงความเห็น อย่างดุเดือดกว่า 8 พันคอมเมนต์

โดยส่วนใหญ่ระบุเสียดสีถึงโพสต์ของหนุ่มปั้นจั่นบางช่วงที่ว่า “ทำมาหากินไปมีเยอะก็เอาไปช่วยคนอื่นละกัน ทำบุญเยอะ ๆ ไม่ใช่แ_กแต่เหล้าปาร์ตี้มันทุกคืน” ซึ่งทำให้หลายคนต่างเข้ามาคอมเมนต์บอกว่า ไม่ว่างที่จะต้องไปดู เนื่องจากต้องใช้เวลาทำมาหากินตามที่เจ้าตัวเคยบอกในโพสต์ แต่ก็ยังมีบางคอมเมนต์ที่เข้ามาให้กำลังใจ และบอกว่าต้องแยกแยะระหว่างเรื่องการแสดง และการเมืองในทางความคิดส่วนตัวให้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ในฐานะนักแสดง ในเรื่องของทัศนคติต้องวางตัวให้เป็นกลางและระมัดระวังกว่านี้

เมื่อ อีกคนอยากให้ "คนรักกัน" ❤ส่วน อีกคนก็อยากให้ "คนเลิกกัน" 💔ใครจะชนะในเกมนี้ ?▶▶▶#รัก2ปียินดีคืนเงิน…

โพสต์โดย Major Group เมื่อ วันพุธที่ 12 มิถุนายน 2019

จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้ใครหลายคนต้องย้อนกลับมาทบทวนตัวเอง และระมัดระวังเรื่องของทัศนคติส่วนตัวที่อาจจะสร้างผลกระทบให้ตัวเองในอนาคต แต่ถ้ามองอีกมุมการที่คนเราจะเปิดใจและเปิดรับทัศนคติที่ต่างจากตัวเองนั้นก็ยังถือว่าเป็นเรื่อสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าอย่างไรแล้วทั้งสองสิ่งคงต้องมีควบคู่กันไป