บุญส่ง นาคภู่ ชี้สาเหตุหนังไทยไปไม่ถึงออสการ์ ?

Bunsong Nakpu
ภาพจาก มติชนสุดสัปดาห์

บุญส่ง นาคภู่ ผู้กำกับฯ-นักแสดง มองคนทำหนังไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ทำศิลปะของหนัง ทำตามตลาด และนายทุน ชี้สาเหตุหนังไทยไปไม่ถึงออสการ์

วันที่ 12 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุญส่ง นาคภู่ ผู้กำกับฯ และนักแสดงได้ให้สัมภาษณ์กับมติชนสุดสัปดาห์ ในหัวข้อทำไมหนังไทยไปไม่ถึงออสการ์ ? หนังดี ๆ ไม่มีคนดูจริงหรือ ? โดยบางช่วงบางตอนได้กล่าวถึงสาเหตุที่หนังไทยไปไม่ถึงออสการ์ และสิ่งที่อยากจะบอกทีมซอฟต์พาวเวอร์ไว้ ดังนี้

หนังไทยวน ๆ ไม่ไปไหน

1.ส่วนหนึ่งคนทำหนังไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ทำเพื่อศิลปะของหนัง คนทำหนังส่วนใหญ่ตอบสนองโจทย์การตลาด และนายทุน เพื่อให้ตัวเองได้ทำหนัง คนทำหนังที่แท้จริงเขาจะไม่จมอยู่ตรงนี้ เขาต้องการพัฒนาหนังของตัวเองไปเรื่อย ๆ

2.ระบบวงการอุตสาหกรรมหนังไทยมันไม่ใช่ เพราะวงการหนังไทยมันเป็นหมาหางด้วน ไล่ตามกระแส เรื่องไหนได้เงินก็แห่ทำเรื่องนั้น นายทุนก็เหมือนกัน คนทำหนังก็เหมือนกัน ทุกคนมุ่งไปประเด็นนี้หมดเลย

3.ไม่มีการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ โดยคนส่งเสริมก็ไม่เข้าใจ

4.เรื่องของเซ็นเซอร์ ซึ่งเป็นเต่าในกระดองมาก มันบีบอัดคนทำหนังไทยไม่ให้สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ ๆ ได้ ความเป็นคนดีศีลธรรมบ้าบอคอแตก บุญส่ง นาคภู่ กล่าว

ปัญหาโครงสร้าง ความเหลื่อมล้ำ

บุญส่งกล่าวว่า ณ วันนี้ตัวละครสำคัญในประเทศนี้ผุดมาแล้ว เมื่อก่อน 20 ปีที่แล้วเราก็คลุมเครือ ประเทศไทยอยู่ในบ้านควันมาตลอด คือไม่รู้อะไรจริง อะไรเท็จ ตัวละครสำคัญยังไม่ผุด มันเหมือนควันที่ค่อย ๆ จางลง ขณะเดียวกันเทคโนโลยีมันเจริญรุ่งเรือง อินเตอร์เน็ตสามารถขุดค้นความจริง ดิจิทัลฟุตปรินต์มันโผล่เต็มไปหมด และตัวละครหมอกก็ค่อย ๆ จางลง ตัวละครเดิม ตัวละครหลักผุดมาหมด ตอนนี้เคลียร์หมดแล้ว

ปัญหาโครงสร้างมันเป็นแบบไหน ทำไมมันเกิดความเหลื่อมล้ำ ทำไมต้องรัฐประหารทุก 3-4 ปี เรารู้หมดแล้ว แต่ว่าไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะว่าเขาก็ฉลาดพอ บารมี อำนาจ ทหาร ตำรวจ มันเกมเด็กเล่นหรือไงประเทศนี้ ตอนนี้ระบอบยุติธรรมันพังหมดแล้ว ประเทศไม่มีเสาหลักแล้วตอนนี้ ตอนนี้ประเทศไทยแบเบอร์แล้ว คนรุ่นใหม่ตาสว่างหมดแล้ว รวมทั้งคนรุ่นเก่าอย่างผมซึ่งเคยตาขมัว ๆ ด้วย และหลายคนตาสว่าง ก็รอให้พระเจ้าลงโทษเท่านั้นเอง

“คนทำหนังก็แอบแซะไป คนทำหนังทำอะไรไม่ได้เพราะเซ็นเซอร์อยู่ อำนาจปืน อำนาจทหารยังอยู่ ไม่มีใครเข้าข้างประชาชนตอนนี้ ประชาชนไม่ได้อยู่ในกลเกมการเมือง ประชาชนเป็นแค่เหยื่อสำคัญตอนเลือกตั้งเท่านั้น และประชาชนก็เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองมีประโยชน์แค่ตอนเลือกตั้ง เป็นไปได้ที่ประเทศนี้จะเปลี่ยนแปลงโดยไม่ใช้ปืน ถ้าเสียงประชาชนเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์”

เพราะฉะนั้นคนทำหนังคนนึงควรจะนิ่งดูดายหรือ แต่ว่าคุณก็ถูกกดทับ ถ้าจะทำหนังก็สะท้อนการเมืองแบบสัญญะ ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง เราทำไม่ได้ เรามีความหวังสักวันต้องเปลี่ยนแปลง อีกไม่นานหรอก เราบวชมา 10 ปี เราพบว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ พระเจ้าคือเวลา เวลามันวิ่งเร็วกว่าแสง ทุกคนแก่ขึ้น ทุกคนต้องตาย ไม่ว่าคุณจะพยามยังไงก็ตาม คุณก็ฝืนกาลเวลาไม่ได้ ตอนนี้คนที่เปลี่ยนแปลงประเทศได้คือประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ อำนาจประชาชนใหญ่สุด

หนังไทยไปออสการ์ได้มั้ย

ถ้าหนังไทยไปออสการ์ได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าไปได้ก็ดี จะทำให้วัฒนธรรมต่างชาติยอมรับว่านี่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว สามารถทำหนังระดับออสการ์ได้ แต่จริง ๆ แล้วเส้นทางสู่ออสการ์ไม่ได้ง่าย มันเป็นเกมการเมืองประเทศนั้นต้องหนุนอย่างถึงที่สุดถึงจะไปออสการ์ได้ แปลว่าคนที่หนุนคือรัฐบาลไทย หรือ เอกชนต้องหนุนหนังนี้จริง ๆ เพื่อไปออสการ์ได้ ถ้าคุณทำแบบนี้ คัดเลือกหนังอะไรก็ได้ไป ไม่มีทางไปได้

1.คุณภาพหนังของออสการ์ไม่ถึง คุณภาพออสการ์เป็นยังไงคุณต้องถึง ฝืมือคุณต้องถึง ต้องเข้าใจหนังอย่างถึงที่สุด แอ็กติ้ง กำกับ เขียนบทต้องถึง เล่าเรื่องต้องถึง

2.คอนเทนต์คุณต้องถึง ความเป็นมนุษย์คุณต้องมา ประเด็นคุณต้องแรงพอ ต้อง Move the World โลกต้องสะเทือน ถ้าคุณไม่กล้าแตะอะไรแล้วคุณจะสะเทือนได้ไง ไปไม่ถึงหรอก ถ้าทำได้ก็ดี แต่ว่ายาก

จริง ๆ แล้วคุณทำให้หนังมัน Box Office ในเมืองไทย 100 ล้าน 700 ล้าน ก็ไปได้ทั่วโลกแล้ว หลายคนมองว่า “สัปเหร่อ” ฟลุกนะ แม้ว่าผมจะคิด แต่ผมก็ไม่พูด เพราะว่ามันเป็นการดูถูกเขา เราให้เกียรติเขา ต้องเตก็น้องรักกัน เราก็ให้เกียรติคนทำหนังทุกคน มันต้องเป็นพื้นที่ของคนทุกคนในวงการหนัง ไม่ใช่คนกลุ่มเดียว บุญส่ง นาคภู่ กล่าว