ขี้ไก่ก็ขายได้! “Kaidee” เปิดตัวเลขตลาดครึ่งปีแรกสะพัด “พระเครื่อง-รถยนต์” ฮอตสุด

โดย ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ปัจจุบันสินค้าต่างๆ ถูกขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ เพียงเเค่ปลายนิ้ว ไม่ต่างจาก Kaidee (ขายดี) แหล่งซื้อขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่คุ้นเคยกันกับประโยค “ซื้อง่าย ขายคล่อง” โดย Kaidee เผยตัวเลขตลาดในครึ่งปีเเรกมีเงินสะพัดจากของที่ขายได้กว่า 30,000 ล้านบาท

“ผลงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เรารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ อาจจะเนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้คนไทยหันมาให้ความสนใจในการซื้อ-ขายของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น” ทิวา ยอร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/เฮดโค้ช Kaidee เปิดฉากเล่าถึงผลการดำเนินงานปี 2560 ในครึ่งปีแรก

เรียกได้ว่าเป็นตลาดขายของออนไลน์ระดับบิ๊กของไทย เพราะช่วงครึ่งปีเเรกมีสินค้ากว่า 9 แสนรายการที่ถูกขายผ่าน Kaidee ตีเป็นเม็ดเงินจากการขายราวๆ 3 หมื่นล้านบาท เมื่อถามถึงช่วงขายดีฮอตฮิตสุด เห็นจะเป็นเดือนมิถุนายน ทะลุเป้าติดลมบนมีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด ถึง 7,300 ล้านบาท

“จากสถิติการใช้งานตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเห็นข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องพฤติกรรมการใช้งานที่เป็นการใช้งานผ่านมือถือกว่า 80% ดังนั้น จากที่เคยเห็นหน้าตาแอปฯ ของ Kaidee รูปแบบเดิม เราได้ไปสำรวจตลาดเเละพูดคุย จนได้รับรู้ว่าวัยรุ่นรู้จักเเอปเพราะเห็นจากพ่อเเม่ใช้งานจึงได้มีการปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของแอปฯ ให้เหมาะกับการใช้งานของคนเจเนอเรชั่นนี้มากขึ้น มีรูปภาพมากขึ้น มีการปรับเมนูเพื่อให้เข้าใช้งานได้สะดวกขึ้น หน้าแสดงรายการประกาศ เราก็ได้มีการปรับเปลี่ยนให้ผู้ใช้งานสนุกกับการช้อปปิ้งสินค้ามากขึ้น และเพียงแค่ครึ่งปีแรกนี้ก็มีคนดาวน์โหลดแอปฯ กว่า 1.64 ล้านครั้ง นับเป็นผู้ใช้งานแอปฯ Kaidee กว่า 11 ล้านคน”

ความหลากหลายเอาใจขาช็อป ตอบโจทย์เหมือนอ่านใจกันมา ด้วยสินค้ากว่า 264 หมวดหมู่ โดยมีสินค้ากว่า 18 ล้านอย่างที่ขายบน “ขายดี” (ลองนึกถึงสินค้า 18 ล้านอย่างสิจ๊ะ) คำถามคือ “แล้วอะไรขายดี!” สินค้าที่ถือเป็นเบสต์ เซลเลอร์ของบริษัท จัดอันดับเข้ารอบเหมือนสาวงามได้เเก่ 1) โทรศัพท์,แท็บเล็ต 2) อสังหาริมทรัพย์ 3) รถ 4) เเฟชั่น 5) มอเตอร์ไซค์ นั่นเอง

ส่วนใครที่สงสัย “ไหนบอกเป็นเเหล่งซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ ทำไมไม่พูดถึง!” บริษัทเผยว่า สัดส่วนสินค้ามือสองยังเป็นตัวเลขที่ไม่เเน่ชัด อย่าง สินค้าเเม่เเละเด็กกว่า 50% เป็นของใหม่ รถยนต์กว่า 90% เป็นมือสอง เเละมีบางหมวดที่ไม่เกี่ยวกับอะไร เช่น สัตว์เลี้ยงเเละพระเครื่อง อันหลังนี่ขอกระซิบบอกว่า ยอดขายกระจาย!

สำหรับสินค้าที่ถูกขายในเเต่ละวันผ่าน “ขายดี” อยู่ที่ 5,000 รายการต่อวัน ให้คิดภาพว่าเขาขายกันตั้งเเต่สากกะเบือยันเรือรบ โดยสินค้ากว่า 40% ถูกขายภายใน 3 วัน ใครที่ลงขายเเล้วนก ไม่ต้องดราม่า ทางบริษัทเขายังช่วยให้คนเห็นโพสต์มากขึ้น เพื่อการันตีถึงความเป็น “ขายดี” อีกต่างหาก

คำค้นหายอดนิยมบนหน้าเว็บ Top 5 ได้เเก่ 1) MSX 2) PCX 3) Adidas 4) Coach 5) หลวงพ่อเงิน (อันสุดท้ายนี่อ่านไม่ผิดจ้ะ ผู้คนกลุ่มใหญ่มากนิยมพระเครื่องกันนะ) ขึ้นชื่อว่าขายดีก็ต้องมีวันเฮง “วันอังคาร” ถือเป็นวันที่ขายดีที่สุดในสัปดาห์ ช่วงเวลาที่พีคหน่อย คนกลับบ้านพร้อมช็อปเห็นจะเป็น 19.00-22.00 น.

ยังไม่หมดในหมวดขายของ ขณะที่ RodKaidee แหล่งซื้อ-ขายรถยนต์ออนไลน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ในแต่ละวันจะมีประกาศขายรถยนต์มากกว่า 80,000 คันบน RodKaidee ในแต่ละเดือนมีคนเข้ามาใช้งานมากถึง 4.1 ล้านคน ซึ่ง 1 วันมีรถขายได้มากกว่า 415 คัน และเพียงแค่ในครึ่งปีแรกนี้มีรถขายไปแล้วกว่า 56,700 คัน รวมมูลค่ากว่า 15,560 ล้านบาท ส่วนบรรดารถที่ผู้คนสนใจ ได้แก่ Honda, Toyota, Isuzu, Nissan และ Mitsubishi ตามลำดับ

ด้านการขายอสังหาริมทรัพย์นับเป็นอีกหมวดที่ได้รับความนิยม มีลงขายที่ดิน คอนโด บ้านช่องห้องหับก็ว่ากันไป ตลาดซื้อ-ขายกว่า 9 พันล้านบาทจาก 6,639 รายการประกาศที่ขายได้ที่ “ขายดี” และในแต่ละเดือนก็มีผู้ใช้งานกว่า 2.2 ล้านคน เข้ามาเลือกซื้อ

จะซื้อของใจต้องนิ่ง! ถ้าจะไปซื้อเเล้วกลัวโดนโกงทำไงดีหว่า? ในส่วนของการเจรจาตกลงซื้อขายต่างๆ ขายดีจะมีช่องเเชทให้ผู้ซื้อเเละผู้ขายในหน้าเว็บ เเละหน้าเเอปฯ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการพูดคุย หากพบเจอบุคคลต้องสงสัย (คนนี้เเหละจะมาหบอกเงินเรา) ทีมงานจะคอยดูเเล เเละมีการบล็อก หรือมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกบล็อกได้เอง โดยตัวเลขผู้ใช้เเชทน้อยเสียเมื่อไหร 5-6 เเสนคนต่อวันนู่น!

ด้วยความอะราวเดอะเวิลด์ ฉันขาย คุณซื้อ ส่งผลให้ “ขายดี” เป็นตลาดที่เปิดกว้างในการขายของ เเต่สินค้าที่ถูกห้ามขายก็ยังคงมี

ทิวาเล่าว่า สุรา ปืน เครื่องมือการเเพทย์อย่าง “เครื่องปั๊มน้ำนม” จะถูกห้ามขาย เนื่องจากอาจติดขัดในด้านกฎหมายของประเทศไทย

เล่ามาถึงตรงนี้ ถามถึงอัตรารายได้ของบริษัท กว่า 40% มาจากโฆษณา เเละอีก 60% มาจากบริการเสริม

หากโพสต์ขายของคุณหล่นจากอันดับต้นๆ สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพื่อดึงโพสต์กลับขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนยอดเงินที่จะต้องจ่ายให้บริษัทอยู่ที่ 50-400 บาท 

รู้กันไปแล้วว่าครึ่งปีเเรกเกิดอะไร ก็พอจะเห็นทิศทางครึ่งปีหลัง สิ่งที่บริษัทอยากทำต่อจากครึ่งปีเเรกคือต่อยอดสินค้าทางเกษตร ทั้งเครื่องจักร เเละสินค้าจากเกษตรกร ตอบโจทย์ชาวนา เช่น พืช ผัก ผลผลิตที่เกษตรกรเอามาลงขาย อาจจะเเยกส่วนออกมาให้เด่นชัด

“ทุกคนรู้จักการขายอยู่เเล้ว เขาเเค่ไม่มีพื้นที่ เราเห็นเทรนด์ที่เกษตรกรเริ่มเข้ามาขายมากขึ้น อยากจะช่วยให้ตลาดของเขาโต”

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไป จุดที่พีคสุดจนนั่งอมยิ้ม คือเรื่องสินค้าที่คาดไม่ถึงว่าจะลงขายอย่าง “ขี้ไก่” ใช่เลย ขี้ไก่! ขี้ไก่ออนไลน์ด้วย! ที่ถูกขายไปหลายตันต่อเดือนเพื่อนำไปใช้เป็นปุ๋ย หรือเป็นรถหรูมูลค้ากว่า 14 ล้านยังคงขายได้ รวมไปถึงที่ดินมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้าน ยังถูกประกาศขายบน “ขายดี” อีกกก!

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะยกตลาดออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ ให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายมาเจอกัน เพื่อพบปะ พูดคุย ซื้อขาย หมดยุคหวาดหวั่นผ่านหน้าจอ เพราะบริษัทจัดตลาดสุดสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยทุกเพศ ทุกวัย โดยครั้งแรกนี้จะจัดขึ้นในต้นเดือนกันยายน ที่มาบุญครอง คนชิคๆคูลๆ ก็อย่าลืมไปเดินเลือกซื้อกัน เเถมมีแผนที่จะยกตลาดไปพบปะกับพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ

ในส่วนของทีม Kaidee  ตั้งเป้าสร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง ครองอันดับ 1 ใน 3 ของนายจ้างธุรกิจดิจิตอลในไทยที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุด และพร้อมจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาต่างๆ ร่วมทำงานวิจัยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้แต่ละภาคส่วน ใช้สถิติเพื่อการศึกษาและพัฒนาประเทศมากขึ้น

พร้อมโฟกัสวัยรุ่นช่วง 18-24 ปี มากขึ้น ก่อนหน้านี้ผู้ที่ใช้บริการขายดีอายุเริ่มที่ 25 ปีขึ้นไป เเละกลุ่มที่มากสุดคือช่วง 40 ปี จึงต้องปลุกตลาด ให้วัยรุ่นสนใจมากขึ้น

ด้านพื้นที่ที่มีการใช้งานมากที่สุด มีผู้ซื้อเเละผู้ขายจำนวนมาก ยังเป็นกรุงเทพฯ เเละปริมณฑล รองลงมาคือ เชียงใหม่ ชลบุรี โคราช ระยอง

“ในครึ่งปีหลังจะขยายตลาดรถยนต์เเละเกษตรให้มากขึ้น ทำการตลาดให้คนเข้ามาขายของมากขึ้น เน้นเป็นบุคคลทั่วไป ถ้าเป็นเเม่ค้าที่เป็นมืออาชีพขายของออนไลน์ ก็เข้ามาได้ เเต่เราโฟกัสที่คนไม่เคยขายของออนไลน์ ให้เข้ามาลองขาย เราต้องปลุกตลาดตรงนี้มากขึ้น ให้คนไทยเข้าใจว่า ใครก็ขายได้เเค่มีโทรศัพท์ถ่ายรูป แค่นี้ก็ลงขายได้เลย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเล่าทิ้งท้ายว่า เคยไปสอบถามกลุ่มวัยรุ่น เเล้วได้คำตอบว่า “อ๋อ Kaidee รู้จักค่ะ พ่อเเม่ใช้อยู่”

คุณพระ! คมกว่ามีดเสียอีก