ตลาด “เอเชียใต้” โตแรง ! แนะเที่ยวไทยยกระดับภาพลักษณ์

จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียใต้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 5.48 แสนคน เติบโตช่วงเดียวกันของปี 2561 กว่า 20.73%

นับเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการเติบโตของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดอินเดียที่มีอัตราการเติบโตถึงกว่า 24.98% และนักท่องเที่ยวศรีลังกาที่เติบโตกว่า 25.9% โดยแนวโน้มดังกล่าวนี้ถือว่ามีนัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเอเชียใต้ทวีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เที่ยวบินใหม่หนุนเอเชียใต้โตพุ่ง

“ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของนักท่องเที่ยวอินเดียและเอเชียใต้นั้นเป็นผลมาจากภูมิภาคดังกล่าวมีการเพิ่มของเที่ยวบินตรงจากไทย ทั้งสายการบินฟูลเซอร์วิสและโลว์คอสต์มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่สายการบินแห่เปิดเที่ยวบินเข้าสู่เมืองรองมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ขณะที่สลอตการบินเข้าเมืองหลักนั้นเต็มมานานแล้ว

เมื่อประกอบกับพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดปี ไม่ได้มีฤดูกาลการเดินทางหลักที่ชัดเจนมากนัก ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวจากเอเชียใต้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวเอเชียใต้ที่นิยมเดินทางมาเที่ยวในไทยนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือกลุ่มครอบครัวและกลุ่มไมซ์ (MICE) โดยส่วนใหญ่มักนิยมชมชอบทะเลสวยงาม ชอบการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงชอบการท่องเที่ยวที่มีความสะดวกสบายและบริการที่ดีมีคุณภาพ

ชู 3 กลยุทธ์ดูดนักท่องเที่ยว

“ฉัททันต์” ยังบอกด้วยว่า ในปี 2562 นี้ ททท.วางเป้าหมายเพิ่มจำนวนและรายได้จากตลาดเอเชียใต้ที่ประมาณ 10% โดยเฉพาะในตลาดอินเดียที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มจาก 1.6 ล้านคน เป็น 1.8 ล้านคน โดยเตรียมที่จะเดินหน้าดันตลาดเอเชียใต้ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1.ประสานความร่วมมือทำงานกับเอเย่นต์การท่องเที่ยวขนาดใหญ่ในอินเดียที่มีเครือข่ายซับเอเย่นต์อยู่ในพื้นที่เมืองรองอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อกระจายตลาดการท่องเที่ยวไทยออกไปในเมืองรองของอินเดียที่ยังมีพื้นที่เติบโตมากยิ่งขึ้น

2.ทำงานร่วมกับสายการบินจัดโปรโมชั่นร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น อาทิ การอุดหนุนค่าน้ำหนักกระเป๋าขากลับ โดยส่วนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเตรียมตัวเจรจาความร่วมมือกับสายการบิน โดยสายการบินที่ ททท.จะพูดคุยประกอบด้วยสายการบินนกสกู๊ต สายการบินไทยสมายล์ สายการบินอินดิโก้ และสายการบินโกแอร์

และ 3.ร่วมกับโรงแรมและผู้ให้บริการจัดงานในไทยจัดโปรโมชั่นร่วมกันเพื่อส่งเสริมตลาดไมซ์เอเชียใต้ โดยใช้ความสะดวกและสิทธิประโยชน์ในการดึงดูดใจ

“แม้นักท่องเที่ยวเอเชียใต้จะอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ไม่อ่อนไหวต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศจุดหมายปลายทาง เมื่อประกอบเข้ากับการเติบโตที่ต่อเนื่องในขณะนี้ เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ตลาดเอเชียใต้ปีนี้เติบโตดีอย่างแน่นอน และเป็นตลาดที่สามารถฝากความหวังไว้ได้” ฉัททันต์กล่าว

ชี้ตลาด “อินเดีย” โตทั่วโลก

ขณะที่ “ปรีชา จำปี” ผู้จัดการทั่วไป ห้างหุ้นส่วนจำกัด เดสติเนชั่น สยาม ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดอินเดียและเอเชียใต้ อธิบายว่า สาเหตุที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียและเอเชียใต้เติบโตพุ่งทะยานมาจากนักท่องเที่ยว “กลุ่มเจนวาย”ที่มีทั้งกำลังแรงและกำลังทรัพย์ออกท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในตลาดอินเดียที่มีคนกลุ่มนี้กว่า 600 ล้านคน จนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวภาพรวมจากตลาดนี้มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ได้มีแค่ไทยที่ได้รับประโยชน์จากตลาดอินเดียและเอเชียใต้เท่านั้น แต่ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ดูไบ ฯลฯ ก็ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของนักท่องเที่ยวอินเดียและเอเชียใต้เช่นกัน

ห่วงโตไร้คุณภาพ-ไม่ยั่งยืน

“ปรีชา” ยังบอกด้วยว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียและเอเชียใต้ในไทยจะเพิ่มขึ้น ไทยก็ยังคงมีภาพลักษณ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพไม่สูงนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจำภาพว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่เกี่ยวข้องกับเซ็กซ์ทัวร์มาโดยตลอด เมื่อนักท่องเที่ยวภูมิภาคนี้เดินทางมาเที่ยวไทยจึงมักจะท่องเที่ยวในบริเวณเดิมที่ค่อนข้างจำกัด อาทิ กรุงเทพฯ บริเวณนานาและสุขุมวิท ชลบุรีบริเวณตัวเมืองพัทยา และภูเก็ต บริเวณหาดป่าตอง ดังนั้นถ้าหากต้องการให้การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากอินเดียและเอเชียใต้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศอย่างเต็มที่และยั่งยืนก็จำเป็นที่ไทยจะต้องปรับภาพลักษณ์ไทยในสายตานักท่องเที่ยวภูมิภาคดังกล่าวใหม่ด้วย

พร้อมเสนอให้ทุกภาคส่วนที่ทำงานด้านการท่องเที่ยวควรช่วยกันทำงานนี้ด้วยการนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยการเน้นตลาดคุณภาพให้มากและชัดเจนยิ่งขึ้น โดยในส่วนของ “เดสติเนชั่น สยาม” นั้นอยู่ระหว่างการเตรียมแผนปรับภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยด้วยภาพยนตร์บอลลีวูดเพื่อที่จะนำเสนอต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยภาพยนตร์จะมีลักษณะใกล้เคียงกับภาพยนตร์ Crazy Rich Asians ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้กับสิงคโปร์มาแล้วนั่นเอง