จากการเก็บตัวเลขของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ระบุว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 2.216 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 167.94% เมื่อเทียบกับปีก่อน สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่า 19,544.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.75% และเป็นการเติบโตในทุกตลาด ทั้งประชุมสัมมนาบริษัท (meetings), การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentives), การประชุมนานาชาติ (conventions) และงานแสดงสินค้า (exhibitions)
จากสถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มและทิศทางการตลาดและศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตในการเป็นจุดหมายปลายทางของตลาดไมซ์ทางภาคใต้ รวมถึงเป็นศูนย์กลางของไมซ์ระดับเวิลด์คลาสของภูมิภาคเอเชีย และมีส่วนผลักดันให้นักเดินทางไมซ์ประเทศไทยในปี 2562 นี้มีจำนวนถึง 34.662 ล้านคนและสร้างรายได้ 1.21 แสนล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
มุ่งผนึกรัฐ เอกชน ชุมชน
“จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ให้ข้อมูลว่า ทางภูเก็ตได้กำหนดแผนพัฒนาภูเก็ตให้เป็นเมืองประชุมไมซ์ที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยความสวยงามทางทะเลและความหลากหลายของวัฒนธรรมระดับโลก โดยทำงานบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์บนพื้นฐานความรู้เพื่อให้การจัดงานและผู้ประกอบการไมซ์ก้าวสู่มาตรฐานสากลรวมถึงส่งเสริมการทำงานอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว โดยมีเป้าหมายผลักดันภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางไมซ์ซิตี้ของอันดามัน และศูนย์กลางไมซ์ซิตี้ทางทะเลของภูมิภาคเอเชีย
“ที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกับทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้ไปประมูลสิทธิจัดงานระดับโลกของยูเนสโกด้วยกันที่อิตาลีแล้ว นอกจากนี้ ยังมีแผนร่วมประมูลสิทธิจัดงานในระดับโลกอีกเป็นระยะ ขณะเดียวกันก็จะเน้นส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ จัดประชุมในพื้นที่ของชุมชนเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริงด้วย”
วางแผนระยะยาวหนุน
ขณะที่ “ธัญญวัฒน์ ชาญพินิจ“ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พูดถึงศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตว่า นอกจากภูเก็ตจะมีจุดเด่นเรื่องชายหาดที่สวยงามแล้วยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ประเพณี อาหาร ฯลฯ ทำให้เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยว
โดยนับตั้งแต่ปี 2520 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวถือเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ต โดยปีที่ผ่านมาภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 13 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรองแค่กรุงเทพฯเท่านั้น
จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เมืองภูเก็ตวางแผนการพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน, โรงแรม, ที่พัก, รวมถึงบุคลากรด้านการบริการ ฯลฯ เรียกว่าปัจจุบันภูเก็ตมีความพร้อมทั้งด้านการต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป และนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์
ไม่เพียงเท่านี้ภูเก็ตยังได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาระยะยาว คือ ยุทธศาสตร์ 4 M 3S ประกอบด้วย M : marina คือ เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางทะล M : medical hub คือ ศูนย์กลางด้านการแพทย์ สาธารณสุข และสปา M : mice city คือ ศูนย์กลางของการจัดประชุมและนิทรรศการระดับโลก และ M : manpower development คือ แผนการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้มีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ส่วน 3S ประกอบด้วย S : sport tourism เป็นเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยเฉพาะกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติ S : smart city เมืองอัจฉริยะ หรือเมืองดิจิทัล ซึ่งทางจังหวัดพยายามผลักดันให้ภูเก็ตเป็นอุตสาหกรรมดิจิทัล และ S : sustainable development คือ การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
“ไมซ์ถือเป็นหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญของภูเก็ต โดยที่ผ่านมาภูเก็ตเรามีโอกาสได้จัดงานไมซ์ขนาดใหญ่ที่เป็นมาตรฐานสากลได้อย่างเรียบร้อย สะท้อนให้เห็นว่าเมืองภูเก็ตและบุคลากรของเรามีความพร้อมมาก”
ขาด “ฮอลใหญ่-ขนส่งมวลชน”
ด้าน “เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง บอกว่า ที่ผ่านมาป่าตองได้พยายามผลักดันความเป็นไมซ์ซิตี้ของภูเก็ตให้มีความชัดเจนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์เข้ามาอุดจำนวนนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซั่นเนื่องจากเป็นช่วงที่ต้นทุนต่ำ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ฯลฯ มีราคาที่ถูกและเชื่อว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวอีกตลาดหนึ่งที่จะเข้ามาเสริมให้ภาคการท่องเที่ยวของป่าตองมีความยั่งยืน
“เฉลิมลักษณ์” บอกด้วยว่า ป่าตองถือเป็นโลเกชั่นที่มีความพร้อมสำหรับเป็นไมซ์ซิตี้ มีจำนวนโรงแรม ที่พัก ทุกประเภทรวมกันกว่า 4 หมื่นห้อง และมีห้องประชุมที่รองรับได้ทั้งกลุ่มประชุมสัมมนาบริษัทและกลุ่มประชุมระดับนานาชาติที่มีจำนวนคนตั้งแต่ 50 คน จนถึง 1,000-2,000 คนรองรับอยู่แล้ว
“ตอนนี้สิ่งที่ขาด คือ เอ็กซิบิชั่นฮอลขนาดใหญ่ที่จะมารองรับงานประชุมนานาชาติและงานเอ็กซิบิชั่นที่รองรับได้ 5,000-6,000 คน ที่ผ่านมามีเอกชนหลายรายสนใจลงทุน แต่ยังติดกฎหมายผังเมือง และอีกตัวแปรหนึ่ง คือ ระบบการขนส่งสาธารณะสำหรับขนส่งผู้โดยสารจากสนามบินมายังป่าตอง ซึ่งหากรัฐช่วยลงทุนทั้ง 2 ส่วนนี้เชื่อมั่นว่าป่าตองจะเป็นเดสติเนชั่นที่รองรับตลาดไมซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
“ไมซ์” จุดเปลี่ยนสำคัญ
“ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต บอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาทางสมาคมได้พยายามสร้างภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสุขสำหรับทุกคน ทั้งผู้ที่มาเยือนและคนภูเก็ตเอง โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวภูเก็ตกว่า 14 ล้านคน แต่มองว่านักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้นักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตมีความยั่งยืนในอนาคต
ดังนั้น สิ่งที่ทางสมาคมพยายามทำร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ ทำให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ หรือ quality destination และมีความยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ความเป็น “ไมซ์” ในระดับเวิลด์คลาส…