การประกาศมาตรการระงับการดำเนินกิจกรรมของบริษัททัวร์ในจีน รวมถึงงดการเดินทางออกนอกประเทศของรัฐบาลจีนเนื่องจากต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือไวรัสอู่ฮั่น ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของจีนหยุดชะงักทันที
สำหรับประเทศไทยนั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีนหยุดชะงักทันทีเช่นกัน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่า อย่างต่ำรัฐบาลจีนน่าจะใช้เวลาในการจัดการไม่ต่ำกว่า 3 เดือน พร้อมทั้งคาดการณ์ไว้ว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยน่าจะได้รับผลกระทบราว 3 แสนล้านบาทในปีนี้
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
โดยนอกจากบริษัทนำเที่ยว โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบแล้ว “สายการบิน” ถือเป็นอีกเซ็กเตอร์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะสายการบินที่มุ่งกับตลาดจีนอย่าง “ไทยแอร์เอเชีย” และ “ไทยไลอ้อนแอร์” รวมถึง “ไทยสมายล์”
“สันติสุข คล่องใช้ยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชียให้ข้อมูลว่า สายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย”มีเส้นทางสู่ประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วน 12% จากเส้นทางทั้งหมด ส่วนจำนวนผู้โดยสารชาวจีนมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 30% ของผู้โดยสารทั้งหมด ทำให้ในช่วงที่ผ่านมานอกจากเส้นทางบินสู่ “อู่ฮั่น” ที่ไม่สามารถทำการบินได้แล้ว ยังมีเส้นทางอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบและมีการปรับลดเที่ยวบินในประเทศจีนตามความเหมาะสมของสถานการณ์อีกหลายเส้นทาง
โดย “ไทยแอร์เอเชีย” คาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่นครั้งนี้ จะทำให้ผู้โดยสารจีนกลุ่มกรุ๊ปทัวร์และเช่าเหมาลำของสายการบินหายไปอย่างน้อย3 แสนคน และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงรายได้ในไตรมาสแรกของสายการบินอย่างน้อย 3%
“ปัจจุบันสายการบินพยายามปรับลดสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีนให้สมดุลยิ่งขึ้น เพิ่มสัดส่วนในตลาดอินเดียเเละอินโดจีน ไม่หวังพึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งเพื่อสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ”
“สันติสุข” บอกว่า ที่ผ่านมา “ไทยแอร์เอเชีย” มีเส้นทางบินเข้า-ออกจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด 14 จุดบินจำนวน 20 เส้นทางบิน รวมทั้งหมดมีจำนวนเที่ยวบินราว 164 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ประกอบด้วย เส้นทางดอนเมือง-กว่างโจว 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-เสิ่นเจิ้น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-ซัวเถา 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-ฉางชา 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-ฉงชิ่ง 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-คุนหมิง 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-ซีอาน 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-เฉิงตู 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-อู่ฮั่น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และดอนเมือง-เซี่ยงไฮ้ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางดอนเมือง-หางโจว 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-หนานจิง 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ดอนเมือง-หนิงปอ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงใหม่-หนานชาง 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงใหม่-ฉางซา 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงใหม่-หางโจว 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงใหม่-เสิ่นเจิ้น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงใหม่-ปักกิ่ง 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงราย-เสิ่นเจิ้น 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงราย-หางโจว 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และภูเก็ต-อู่ฮั่น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ยังมีเส้นทางบินสู่ฮ่องกงและมาเก๊า 2 จุดบิน จำนวน 6 เส้นทางบินรวมเป็นจำนวนเที่ยวบินราว 71 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกง 25 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, เชียงใหม่-ฮ่องกง 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ภูเก็ต-ฮ่องกง 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, กรุงเทพฯ-มาเก๊า 21 เที่ยวบินต่อสัปดาห์,เชียงใหม่-มาเก๊า 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และภูเก็ต-มาเก๊า 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเส้นทางเชียงใหม่สู่ไทเปด้วย 1 เส้นทางบิน
ด้านสายการบิน “ไทยไลอ้อนแอร์” นั้น “อัศวิน ยังกีรติวร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่ามั่นใจว่า ไทยไลอ้อนแอร์ยังเชื่อมั่นว่า ถึงแม้ว่าสายการบินจะมีสัดส่วนจำนวนเส้นทางบินสู่ประเทศจีนถึง30% จากเส้นทางทั้งหมด และมีจำนวนผู้โดยสารจีนมากถึง 30-40% ใกล้เคียงกับไทยแอร์เอเชีย แต่ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องปรับลดเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารที่ตั้งไว้สำหรับปี 2563 แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาสายการบินจำเป็นที่จะต้องปรับลดเที่ยวบินในบางเส้นทางบินลงราว 1-2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีแผนที่จะนำเครื่องไปบินในเส้นทางอื่น ๆ นอกจากเส้นทางสู่จีนเพื่อทดแทนตลาดจีนที่น่าจะหายไปจำนวนหนึ่ง อาทิ บาหลี อินโดนีเซีย เป็นต้น โดยเชื่อว่าการปรับแผนและการสนับสนุนจากรัฐบาลจะทำให้สายการบินไม่ได้รับผลกระทบทางด้านรายได้มากนัก
ทั้งนี้ “ไทยไลอ้อนแอร์” คาดจะสามารถประเมินความเสียหายเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ทั้งหมดได้ในช่วงครึ่งปีหลังของเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมทั้งสามารถปรับตารางบินให้นิ่งและหยุดการปรับลดเที่ยวบินในเส้นทางจีนลง โดยไทยไลอ้อนแอร์มุ่งมั่นที่จะรักษาจำนวนผู้โดยสารและรายได้ในไตรมาส 1 นี้ให้ได้อย่างเต็มที่
“ที่ผ่านมาสายการบินไลอ้อนแอร์มีจำนวนจุดบินในประเทศจีน 15 จุดบิน รวม 25 เส้นทางบิน อาทิ เส้นทางสู่กว่างโจว, เฉิงตู, เสิ่นเจิ้น, ฉางชา, หนานฉาง, ฉางโจว, เจิ้งโจว, หางโจว, หนานจิง, หนิงปอ, หนานจิง, เทียนจิน, ฉงชิ่ง, เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น”
เช่นเดียวกับ “ชาริตา ลีลายุทธ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน ไทยสมายล์แอร์เวย์ ที่ล่าสุดได้แจ้งยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกประเทศจีน 3 เส้นทางบินได้แก่ กรุงเทพฯ-ฉงชิ่ง, รุงเทพฯ-ฉางชา และกรุงเทพฯ-เจิ้งโจว ชั่วคราวไปถึง 29 กุมภาพันธ์นี้
ปี 2563 นี้จึงน่าจะเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่งสำหรับธุรกิจสายการบินของไทย หลังจากล้มลุกคลุกคลาน และขาดทุนกันมาครั้งใหญ่ในช่วงปี 2 ปีที่ผ่านมา