สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า อินเดีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ติดอันดับปัญหามลภาวะอันดับต้นของโลก มีแนวคิดที่จะช่วยลดปัญหาสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอากาศด้วยการตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขึ้นมาใช้ในประเทศในอนาคต และยกเลิกการใช้รถยนต์พลังงานน้ำมันเพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ส่งผลให้มีอุตสาหกรรมใหม่ๆที่เกิดขึ้นและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องทั้งการขนส่งโลจิสติกส์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดได้สร้างมลภาวะต่ออากาศ และมีประชากรถึง 1.3 พันคนได้รับผลกระทบ โดยแพทย์ระบุว่าการสูดอากาศหายใจในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย เทียบได้กับการสูบบุหรี่วันละ 10 มวน
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอินเดีย กล่าวว่า การพยายามผลักดันให้มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศทั้งหมดจะช่วยลดปัญหานี้ โดยตั้งเป้าว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดจะเพิ่มขึ้นที่ราว 6-7 ล้านคนในปี 2020 และตั้งเป้าว่าในปี 2030 จะใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มตัว
สำหรับในแง่ธุรกิจแล้ว มีรายงานว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อินเดียเองกังวลหากค่ายรถไฟฟ้าจากสหรัฐอย่างเทสล่าจะเข้ามาทำการตลาดในอินเดีย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าเทสล่าจะเข้ามาขยายฐานตลาดอินเดีย แม้ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสล่าจะเคยพูดบ่อยครั้งเกี่ยวกับแผนการเปิดสาขาในอินเดีย ทั้งนี้ อินเดียมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์ที่เป็นผู้นำในตลาดของประเทศขณะนี้ ทั้งรถยนต์ใช้น้ำมัน และรถยนต์ไฟฟ้าคือ บริษัทมหินทรา ซึ่งทางผู้บริหารประกาศว่าพร้อมจะสู้ทำตลาดกับฝั่งเทสล่า
โดยความพยายามจะกอบกู้สภาวะมลภาวะอากาศของอินเดียชัดเจนมาก หลังจากที่นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้ร่วมในข้อตกลงปารีสลดโลกร้อนที่ฝรั่งเศส