
ฝรั่งเศส เร่งอพยพผู้คนกว่า 1,500 คน ทางตอนเหนือของประเทศ หลังระดับน้ำในเเม่น้ำเเซนเพิ่มสูงต่อเนื่อง ไหลทะลักเข้าบ้านเรือน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ ใกล้กรุงปารีส สั่งอพยพประชาชน ที่อยู่อาศัยริมชายฝั่งเเม่น้ำเเซนราว 1,500 คน โดยระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นเเละเริ่มไหลเข้าท่วมบ้านเรือน
ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของฝรั่งเศส เปิดเผยรายงานระดับน้ำในเเม่น้ำเเซน ซึ่งเป็นเเม่น้ำสายหลักของประเทศ อยู่ที่ 5.82 เมตร เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ม.ค.) ถือว่าเกินค่าเฉลี่ยมาตรฐานถึง 4 เท่า โดยคาดว่าในวันนี้ (29 ม.ค.) ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกเเตะที่ระดับ 5.85-5.95 เมตร
โดยเมื่อเทียบกับสถิติของระดับน้ำในแม่น้ำแซนที่เคยสูงถึง 6.10 เมตร ในเดือนมิ.ย. 2559 ในครั้งนั้นทำให้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ต้องปิดทำการ 4 วันเเละขนย้ายงานศิลปะ 35,000 ชิ้นไปยังที่ปลอดภัย อีกทั้งอนุเสาวรีย์หลายแห่งในกรุงปารีสต้องปิดตามไปด้วย
ขณะที่บริการขนส่งสาธารณะอย่าง “รถไฟ” ต้องประกาศระงับการจอดตามสถานีทุกแห่งตลอดแนวชายฝั่งแม่น้ำแซน เเละรถไฟฟ้าสาย RER-C ระงับการจอดขบวนรถที่สถานีปารีสจนถึงวันที่ 5 ก.พ. นี้
ทั้งนี้ กรุงปารีสเคยประสบน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อครั้งปี 2453 หรือกว่า 100 ปีมาเเล้ว ซึ่งขณะนั้นต้องสั่งอพยพประชาชนทั้งเมือง ระบบโครงสร้างพื้นฐานแทบทั้งหมดในกรุงปารีสต้องปิดตัวเพื่อป้องกันความเสียหาย ซึ่งระดับน้ำในเเม่น้ำเเซนตอนนั้นพุ่งสูงสุดที่ระดับ 8.62 เมตร