โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาว่า สำนักงานบริการทางการเงิน (เอฟเอสเอ) ของรัฐบาลญี่ปุ่นจะมีคำสั่งทางบริหารเพื่อกำกับดูแลบริษัท ‘คอยน์เช็ค’ บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลอย่างเข้มงวด หลังแฮกเกอร์แฮกเงินสกุล “เอ็นอีเอ็ม” สกุลเงินดิจิทัลที่เป็นที่นิยมเป็นอันดับ 10 ของโลก ไปจากบริษัทมูลค่าความเสียหาย 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 16,500 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อวันที่ 26 มกราคม
นายซูกะ ระบุว่า เอฟเอสเอ จะมีคำสั่งให้คอยน์เช็คปรับปรุงการปฏิบัติงานรวมไปถึงมีมาตรการปกป้องลูกค้า โดยเอฟเอสเอ จะเป็นผู้ควบคุมดูแลการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดเพื่อทำให้แน่ใจว่ามาตรการต่างๆ มีการนำไปปรับใช้และดำเนินการตามสัญญา โดยระหว่างนี้จะทำการสืบสวนหาสาเหตุของการถูกแฮกดังกล่าวต่อไป
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
รายงานระบุว่า หลังเกิดเหตุบริษัทคอยน์เช็คได้ระงับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดยกเว้นสกุลเงินบิตคอยน์ เมื่อวันที่ 26 มกราคม โดยบริษัทจะใช้ทุนของบริษัทในการชดใช้เงินเป็นมูลค่า 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 13,400 ล้านบาทให้กับลูกค้าผู้ถือครองเงินสกุลเอ็นอีเอ็มจำนวน 260,000 คนที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้เหตุการณ์แฮกสกุลเงินดิจิทัลครั้งล่าสุดนับว่ามากกว่าการแฮกเงินบิตคอยน์บริษัทเอ็มทีก็อกซ์ เมื่อปี 2557 มูลค่าความเสียหายราว 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 15,000 ล้านบาท โดยหลังเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายควบคุมการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลที่ต้องกำกับดูแลโดยเอฟเอสเอ ขณะที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้วในปี 2560 ที่ผ่านมา
ที่มา มติชนออนไลน์