รอยเตอร์สรายงานว่า กูเกิล ทุ่มงบลงทุนกว่า 550 ล้านดอลล์ ในยักษ์อีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ของจีนอย่าง JD.com ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเเผนการขยายตลาดในเอเชีย เเละต่อสู้กับอเมซอนได้
โดยทั้ง 2 บริษัท ออกมาเเถลงการณ์ว่า การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของหุ้นส่วนที่กว้างขึ้น โดยกูเกิลจะโปรโมทผลิตภัณฑ์ของ JD.com ในหน้าการค้นหาของกูเกิล ซึ่งจะช่วยให้ JD.com ขยายฐานลูกค้ามากกว่าที่จีนเเละเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เเละนับเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญในตลาดสหรัฐเเละยุโรปอีกด้วย
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทดัง เปิดขายเดือน พ.ค.นี้ ชูดอกเบี้ยสูงสุด 7.20%
ด้าน เจ้าหน้าที่ของบริษัท กล่าวว่า การตกลงลงทุนดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับการที่กูเกิลจะเข้าไปเริ่มงานใหม่ในจีน เนื่องจากบริการหลักของบริษัทยังถูกปิดกั้น เพราะไม่สามารถเซ็นเซอร์ข้อมูลผลลัพท์การค้นหาให้สอดคล้องกับกฎหมายในประเทศได้
ทั้งนี้ กูเกิล กำลังเข้ามาลงทุนในเอเชีย เนื่องจากฐานตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงโครงสร้างด้านการเงิน เเละการค้าปลีก ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มีการเเย่งส่วนเเบ่งจากยักษ์อีคอมเมิร์ซจากทั้งฝั่งของจีน เเละสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้กูเกิลเพิ่งเข้าซื้อกิจการของ Go-Jek ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอินโดนีเซีย โดยเเหล่งข่าวกล่าวกับรอยเตอร์สว่า กูเกิลอาจลงทุนใน Flipkart อีคอมเมิร์ซของอินเดีย
กูเกิล ปฏิเสธที่จะเเสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวลือที่จะเข้าลงทุนใน Flipkart ซึ่งการลงทุนใน JD.com ดำเนินการโดยหน่วยปฏิบัติการของกูเกิล เเทนที่จะเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งของบริษัทเเม่
โฆษกของ JD.com ระบุว่า การลงทุนดังกล่าว กูเกิลจะได้รับหุ้นของ JD.com Class A จำนวน 27.1 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขามีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ใน JD.com
Jianwen Liao เจ้าหน้าที่กลยุทธ์ของ JD.com กล่าวในแถลงการณ์ ว่า สำหรับ JD.com ข้อตกลงของกูเกิลแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างกลุ่มพันธมิตรระดับโลก”การเป็นหุ้นส่วนกับกูเกิลนี้เปิดกว้างขึ้น เเละอาจเรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ค้าปลีกที่เหนือกว่าเเก่ผู้บริโภค”
อีกทั้ง ข้อตกลงนี้จะเชื่อมต่อกับตลาดและความสามารถในการวิเคราะห์ของ กูเกิลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการโลจิสติกส์และการจัดการสินค้าคงคลังของ JD.com
