สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากการที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกายังคงแข็งแกร่ง ทำให้กองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 26 กันยายน นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ แต่เฟดไม่ได้แสดงให้เห็นว่า จะมีความพยายามที่แข็งกร้าวมากกว่าเดิมในการขจัดอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดเตือนว่าความตึงเครียดด้านการค้ายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาพรวมซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค แม้เขาจะชี้ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ในด้านบวก นายพาวเวลล์กล่าวว่า เขามองไม่เห็น “ปัญหา” ความเปราะบางใดๆ ในตลาดการเงินแม้ว่าราคาหุ้นจะพุ่งสูงใกล้เคียงระดับประวัติการณ์ในบางกรณี
ในการตัดสินใจที่ได้รับการคาดหมายเป็นวงกว้าง เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 จุดมาอยู่ที่ 2.0-2.5 เปอร์เซ็นต์
และในขณะที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับเพิ่มโดยที่ไม่มีการบอกใบ้ถึงการหยุดพักชั่วคราว เฟดก็ไม่ได้ชี้ว่าจะมีจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยอัตราเร็วที่เพิ่มขึ้น
เป็นอีกครั้งที่เฟดระบุว่า “การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย “อย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อจากนี้” จะช่วยให้เศรษฐกิจยังคงขยายตัวและควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ราว 2 เปอร์เซ็นต์ตามเป้าที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาแถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) อย่างละเอียดพบว่า ได้มีการนำวลีท่อนที่อยู่มาอย่างยาวนานซึ่งอธิบายถึงจุดยืนด้านนโยบายในการปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป
