สหรัฐคุมเข้มความมั่นคงทางการบิน โดยกำหนดมาตรการใหม่สำหรับสายการบินต่างๆ เพื่อเพิ่มการตรวจตราผู้โดยสารอย่างเข้มงวดมากขึ้น เริ่มมีผลบังคับตั้งเเต่วานนี้ (26 ต.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น โดยข้อกำหนดของรัฐบาลสหรัฐนี้ เป็นไปเพื่อเลี่ยงการถูกห้ามผู้โดยสารนำแล็ปท็อปขึ้นเครื่องบิน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สายการบินระหว่างประเทศต่างๆ เริ่มมาตรการตรวจสอบผู้โดยสาร ซึ่งจะมีการสัมภาษณ์ผู้โดยสารในช่วงเวลาสั้นๆ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยทางสายการบินของเยอรมนีอย่าง “ลุฟต์ฮันซา กรุ๊ป” ระบุว่า ผู้โดยสารอาจถูกสัมภาษณ์สั้นๆ
ที่บริเวณจุดเช็คอินหรือประตูขึ้นเครื่อง
ขณะเดียวกัน คาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกง เปิดเผยว่า เที่ยวบินตรงเข้าสหรัฐ อาจมีการระงับบริการเช็กอินในเมืองและบริการโหลดกระเป๋าสัมภาระด้วยตนเอง เเละขอความร่วมมือผู้โดยสารไปถึงสนามบินก่อนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เนื่องจากอาจมีการสัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่อง
ทั้งนี้ จากการประเมินของรัฐบาลสหรัฐ คาดว่ามาตรการใหม่ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารราว 325,000 คน ในเที่ยวบินราว2,000 เที่ยว ที่เดินทางถึงสหรัฐในแต่ละวัน จากสายการบิน 180 บริษัท จากสนามบิน 280 แห่งใน 105 ประเทศ
ก่อนหน้านี้ สหรัฐประกาศระเบียบใหม่ เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ให้ยกเลิกระเบียบเดือนมี.ค.ที่ห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนขึ้นเครื่องบินที่มาจากท่าอากาศยาน 10 แห่งในตะวันออกกลางแอฟริกาเหนือเพราะปัญหาด้านความปลอดภัย โดยต่อมาได้ยกเลิกแต่ก็พร้อมจะนำกลับมาใช้ใหม่หากสายการบินเเละท่าอากาศยานไม่เพิ่มความเข้มงวดความปลอดภัยตามที่กำหนด