‘ญี่ปุ่น’ เดินหน้าโอลิมปิก ยักษ์ธุรกิจชี้ ภารกิจฆ่าตัวตาย

ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 4 โดยพบผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยมากถึง 6,200 คนต่อวัน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางการได้ต่อเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่กรุงโตเกียว และหลายจังหวัดทั่วประเทศออกไปถึงสิ้นเดือน พ.ค. รวมถึงยกระดับมาตรการป้องกันการระบาดของโรคที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้ทัน “กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020” หรือ “โตเกียว 2020” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค. หลังจากถูกเลื่อนออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคจะแย่ลงเรื่อย ๆ แต่โครงการฉีดวัคซีนของญี่ปุ่นที่ดำเนินไปอย่างล่าช้า ทั้งที่มีซัพพลายวัคซีนเพียงพอ เนื่องจากระบบการฉีดวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการอนุมัติวัคซีนที่ช้า ไปจนถึงบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการขาดแคลนเข็มฉีดยา ทำให้ปัจจุบันประชากรญี่ปุ่นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสมีไม่ถึง 2%

อย่างไรก็ตาม “โยชิฮิเดะ ซูงะ” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังยืนยันจะจัดงานโอลิมปิกตามกำหนด โดยระบุว่า ทางการมีมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากพอ ซึ่งจะทำให้สามารถจัดงานได้อย่างปลอดภัย

แชนเนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่า กระแสต่อต้านการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเริ่ม “ร้อนระอุ” ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งโพลล่าสุดของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุนระบุว่า ประชาชนมากกว่า 80% ไม่ต้องการให้จัดงานโอลิมปิกในปีนี้ โดยประชาชน 43% อยากให้ยกเลิกไปเลย ขณะที่อีก 40% ต้องการให้เลื่อนงานออกไปก่อน และมีเพียง 14% ที่ต้องการให้จัดงานตามกำหนดเดิม

โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา “เคนจิ อุตสึโนมิยะ” นักกฎหมายผู้ริเริ่มล่ารายชื่อ “หยุด โตเกียวโอลิมปิก” ในเว็บไซต์ “change.org” ได้ส่งหลักฐานการลงชื่อคัดค้านการจัดงานโอลิมปิก ให้คณะผู้จัดงาน และผู้ว่าการโตเกียว ซึ่งรวบรวมรายชื่อได้มากถึง 350,000 ชื่อ ในเวลาเพียง 9 วัน

ขณะเดียวกัน สหภาพแรงงานบุคลากรทางการแพทย์ญี่ปุ่นประกาศต่อต้านการจัดงานดังกล่าว โดยระบุว่า “เป็นไปไม่ได้” ที่ทางการญี่ปุ่นจะสามารถจัดงานโอลิมปิกได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ทั่วโลกกำลังต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่นักกีฬา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะนำพาโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งมีอัตราการระบาดรวดเร็วรวมถึงเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าเชื้อโควิดเดิม รวมทั้งความเสี่ยงที่วัคซีนหรือการรักษาจะไม่มีประสิทธิภาพพอ

รวมถึงกลุ่มพยาบาลก็ออกมาต่อต้านการจัดงาน เนื่องจากตามมาตรการป้องกันการระบาด ผู้จัดงานโอลิมปิกต้องการบุคลากรทางการแพทย์มากถึง 10,000 คน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดงาน ซึ่งกลุ่มพยาบาลระบุว่า งานล้นมืออยู่แล้วกับสถานการณ์การระบาดภายในประเทศ ซึ่งบางพื้นที่ระบาดหนัก เช่น เมืองโอซากา พยาบาลก็ไม่เพียงพอสำหรับการดูแลผู้ป่วยอยู่แล้ว

นอกจากนี้ “ภาคธุรกิจ” ของญี่ปุ่นก็แสดงจุดยืนในทิศทางเดียวกัน “มิกิทานิ ฮิโรชิ” ซีอีโอ “ราคุเทน” อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของญี่ปุ่น กล่าวว่า การจัดงานโตเกียวโอลิมปิกในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ เปรียบเสมือน “ภารกิจฆ่าตัวตาย” เพราะสถานการณ์ปัจจุบันยังเสี่ยงเกินไปที่จะจัดงาน ซึ่งผู้คนทั้งโลกเดินทางมารวมตัวกัน ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาเฉลิมฉลอง ขณะที่หลาย ๆ ประเทศอย่างอินเดีย และบราซิล ยังคงเผชิญกับการระบาดอย่างหนัก

และ “มาซาโยชิ ซัน” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป ยอมรับว่า “กังวล” กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสำหรับโตเกียว และประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากจะสนับสนุนการส่งนักกีฬามาได้อย่างไร

สำหรับ “โตโยต้า มอเตอร์” สปอนเซอร์หลักของงานโอลิมปิก 2020 กล่าวว่า กำลังหาทางช่วยเหลือให้ได้มากที่สุดในฐานะสปอนเซอร์ เพราะกังวลกับสถานการณ์ระบาด และยังเป็นห่วงว่า นักกีฬากำลังตกเป็นเป้าของ “กระแสต่อต้าน” โดยเริ่มมีกลุ่มคนเรียกร้องให้นักกีฬาญี่ปุ่น แสดงจุดยืนด้วยการถอนตัวออกจากการแข่งขัน เพื่อช่วยเป็นแรงผลักดันให้ทางการยกเลิกการจัดงานนี้

นอกจากนี้ หลายเมืองในประเทศญี่ปุ่นได้ยกเลิกโครงการเป็นที่พำนักของนักกีฬา เพื่อเป็นสถานที่เก็บตัวและฝึกซ้อม เนื่องจากตามมาตรการของโอลิมปิก หลายเมืองไม่สามารถให้บริการที่พำนักตามมาตรฐานของผู้จัดงานที่มีความเข้มงวดมากขึ้น

ทั้งนี้ มาตรการสำหรับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกต้องมีการตรวจเชื้อสม่ำเสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าพบฝูงชน และมาตรการอีกมากมายซึ่งมีความเด็ดขาดอย่างมาก ซึ่งหากฝ่าฝืนอาจนำมาสู่การตัดสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันได้

รายงานข่าวระบุว่า ขณะที่เมื่อเดือน เม.ย. ผู้จัดงานโอลิมปิกยังประกาศว่า นักกีฬาที่เดินทางมาไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน แต่ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงขึ้น รวมถึงโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ การที่ให้นักกีฬา และเจ้าหน้าที่หลายหมื่นคน เดินทางจากทั่วโลกมารวมตัวกัน โดยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน จะแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกคนจะปลอดภัย