ผู้ลี้ภัยชาว “โรฮีนจา” เรียกร้องผู้ติดตามเลี่ยงก่อ “อาชญากรรม” ในค่ายผู้ลี้ภัยที่บังกลาเทศ

รอยเตอร์สรายงานว่า ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา เรียกร้องให้ผู้ติดตามหลีกเลี่ยงการก่ออาชญากรรมในค่ายผู้ลี้ภัยโรฮีนจา ที่บังกลาเทศ ภายหลังมีรายงานการสังหารเเละการลักพาตัวเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ลี้ภัย

กองทัพกู้ชาติอารากัน โรฮีนจา “Arakan Rohingya Salvation Army หรือ ARSA” ซึ่งรัฐบาลเมียนมาบอกว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ผู้นำกลุ่มได้รับการฝึกฝนด้านอุดมการณ์และการสู้รบมาจากต่างแดน โดยนายอตา อุลลาห์ เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งเป็นชาวโรฮีนจาที่เกิดในปากีสถานและไปเติบโตที่ซาอุดีอาระเบีย

กลุ่มอาร์ซา เกิดขึ้นจากการโจมตีชายแดนในรัฐยะไข่ของพม่าในปี 2016 ที่มุ่งเน้นในการเอาชนะเพื่อสิทธิของชาวโรฮีนจา ชาวมุสลิมกลุ่มชนน้อยไร้สัญชาติ ที่ถูกรังเเกมาอย่างยาวนานในพม่า โดยรัฐบาลเรียกพวกเขาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและกล่าวว่าการปฏิบัติการทางทหารในรัฐยะไข่ทางตะวันตกซึ่งทำให้ผู้ลี้ภัยอพยพเข้ามาในบังคลาเทศนั้นเป็นธรรม

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อจากบังคลาเทศได้ตำหนิกลุ่มการใช้ความรุนแรงในค่ายผู้ลี้ภัย รวมถึงการสังหารหลายครั้ง นอกจากนี้อาร์ซา ยังแสดงความเคารพต่อรัฐบาลบังคลาเทศและกระตุ้นให้ผู้ลี้ภัยละเว้นการกระทำผิดกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ที่นั่น ซึ่งมีชาวโรฮีนจาหลายล้านคนอาศัยอยู่

ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจามากกว่า 700,000 คนได้อพยพไปยังบังคลาเทศจากทางพม่าตะวันตก หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐกล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบโจมตีกองกำลังความมั่นคงของพม่าในเดือนสิงหาคม ปี 2017 ก่อให้เกิดการตอบโต้ทางทหารอย่างกว้างขวาง เเละตั้งแต่นั้นมากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้รับการตำหนิ เนื่องจากมีการโจมตีในรัฐยะไข่ รวมถึงการซุ่มโจมตีกองทหารรักษาการณ์ชายแดนในเดือนมกราคม ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย

“กิจกรรมของเราเพื่อสิทธิตามกฎหมาย เรากำลังดำเนินการต่อต้านรัฐบาลผู้ก่อการร้ายกับชาวพม่าและทหารที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของตน” คำแถลงของกลุ่มอาร์ซา เเละกล่าวเสริมว่าการโจมตีจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการฟื้นฟูสิทธิพื้นฐาน

อย่างไรก็ตาม ทหารพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิเกือบทั้งหมด