
- เอลิซาเบธ ควิกลีย์
- บีบีซี สกอตแลนด์
หญิงในสกอตแลนด์ที่ตรวจจับกลิ่นโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) จากสามีได้ก่อนหน้าที่แพทย์จะวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคนี้กว่าสิบปี ใช้ความสามารถพิเศษนี้ช่วยนักวิทยาศาสตร์พัฒนาอุปกรณ์ตรวจที่ใช้ได้รวดเร็วและให้ผลแม่นยำ
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษได้คิดค้นวิธีตรวจแบบใหม่ซึ่งพวกเขาระบุว่าสามารถตรวจจับโรคพาร์กินสันได้ภายใน 3 นาที
- ประกาศใหม่ ผลประโยชน์ตอบแทนบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตน ม.33,39
- ทำความรู้จักบัตรวิสดอมกสิกรไทย ต้องรวยแค่ไหนถึงถือบัตรได้
- เปิดวิธีลงทะเบียน เลือกตั้งล่วงหน้า 2566 มีขั้นตอนอย่างไร ?

ที่มาของภาพ, PArkinson’s UK
ผลงานชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนางจอย มิลน์ พยาบาลเกษียณจากเมืองเพิร์ธ ประเทศสกอตแลนด์
จอย วัย 72 ปี รับรู้ถึงกลิ่นผิดปกติที่บ่งชี้ถึงโรคพาร์กินสันของนายเลส มิลน์ ผู้เป็นสามีได้ล่วงหน้าก่อนที่แพทย์จะวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคนี้กว่า 12 ปี
“เขามีกลิ่นเหม็นอับแบบนี้ โดยเฉพาะบริเวณรอบหัวไหล่ และหลังคอ แล้วผิวของเขาก็มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไป” เธอเล่า
แต่จอยสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกับกลิ่นตัวที่เปลี่ยนไปของสามีกับโรคพาร์กินสัน หลังจากเลสได้รับการวินิจฉัยและร่วมทำกิจกรรมกับผู้ป่วยคนอื่น ๆ ซึ่งเธอสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นกายแบบเดียวกัน
เลสเสียชีวิตในเดือน มิ.ย.ปี 2015
ปัจจุบัน ทีมนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ได้ทำงานร่วมกับจอย เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ตรวจชนิดป้ายผิวหนัง ซึ่งพวกเขาระบุว่าให้ผลแม่นยำ 95% ในการตรวจภายในห้องปฏิบัติการ
การพัฒนาวิธีตรวจโรคแบบนี้ทำโดยวิเคราะห์ไขผิวหนัง (sebum) ซึ่งเป็นสารไขมันบนผิวหนังคนเรา โดยใช้ไม้พันสำลีป้ายไปที่ลำคอคนไข้ ซึ่งเป็นบริเวณที่คนส่วนใหญ่ล้างทำความสะอาดน้อยที่สุด
จากนั้นก็ใช้การตรวจด้วยเทคนิคแมสสเปกโตรเมตรี (mass spectrometry) เพื่อเปรียบเทียบตัวอย่างที่เก็บได้จากผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน 79 คน และคนสุขภาพดี 71 คน
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the American Chemical Society พบสารประกอบที่มีลักษณะเฉพาะกว่า 4,000 ชนิดจากตัวอย่างที่เก็บได้ และพบว่าผู้ป่วยโรคพาร์กินสันกับคนสุขภาพดีมีสารประกอบที่แตกต่างกันถึง 500 ชนิด
ศาสตราจารย์ เพอร์ดิตา บาร์รัน หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่า ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจสารเคมีเพื่อวินิจฉัยโรคพาร์กินสัน นี่จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากต้องรอคิวการตรวจทางระบบประสาทและสมองเป็นเวลานาน ดังนั้นการพัฒนาวิธีการตรวจยืนยันโรคที่ทีมของเธอกำลังทำอยู่จึงเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยพลิกโฉมวงการแพทย์
“เราอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาในห้องวิจัย และกำลังทำงานร่วมกับทีมนักวิจัยในห้องแล็บวิเคราะห์โรคของโรงพยาบาล เพื่อส่งต่อวิธีการตรวจนี้ให้พวกเขาใช้งานจริงตามสถานพยาบาลของสำนักบริการสุขภาพแห่งชาติในอังกฤษ” เธอกล่าว
“เราหวังว่าจะสามารถเริ่มใช้วิธีการตรวจนี้กับประชาชนในเขตแมนเชสเตอร์ได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า”

พาร์กินสันเป็นโรคในระบบประสาทที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา หรือการตรวจวินิจฉัยโรคที่ให้ผลแม่นยำ โดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยจากการเฝ้าสังเกตอาการของคนไข้
ผู้ป่วยพาร์กินสันมักแสดงอาการต่าง ๆ เช่น เคลื่อนไหวร่างกายและพูดลำบาก รวมทั้งร่างกายสั่นเทา
คณะนักวิจัยระบุว่าจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป เพื่อยืนยันผลที่ได้ ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวินิจฉัยที่สามารถใช้ตรวจคนไข้ได้โดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป และตามคลินิก
เจมส์ โจปลิน ผู้อำนวยการสาขาสกอตแลนด์ขององค์กรเพื่อผู้ป่วยพาร์กินสันแห่งสหราชอาณาจักร (Parkinson’s UK) ระบุว่า การพัฒนาอุปกรณ์ตรวจโรคครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยพาร์กินสันเป็นอย่างยิ่ง เพราะการวินิจฉัยโรคได้รวดเร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมได้ทันท่วงที
จอย เห็นด้วยกับเรื่องนี้ “พวกเราคงจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากกว่านี้” เธอบอก
“พวกเราคงจะได้เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ถ้าเรารู้เร็วกว่านี้มันก็จะช่วยให้เราเข้าใจถึงอารมณ์ที่แปรปรวนและภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้น [กับสามี]”
ในคืนก่อนที่เลสจะเสียชีวิต เขาให้จอยรับปากว่าจะค้นหาความจริงเกี่ยวกับความสามารถในการรับรู้กลิ่นโรคพาร์กินสันของเธอ
เลส ซึ่งเคยทำงานเป็นหมอก่อนล้มป่วย บอกกับจอยว่า “คุณต้องทำเรื่องนี้เพราะมันจะเป็นประโยชน์มาก”
จอยหวังเช่นกันว่าการค้นพบโดยบังเอิญของเธอจะก่อให้เกิดประโยชน์กับวงการแพทย์และผู้ป่วยโรคพาร์กินสันทั้งหลาย
……
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว