ที่มาของภาพ, Getty Images
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศว่าจะพัฒนา 4 ดินแดนยูเครนที่เพิ่งถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่าง “ใจเย็นและค่อยเป็นค่อยไป” ในขณะที่โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าวตอบโต้กรณีที่ยูเครนยึดคืนพื้นที่บางส่วนไปได้ว่า ภูมิภาคดังกล่าวจะต้องกลับคืนมาเป็นของรัสเซียไปตลอดกาล
หลังจากที่ผู้นำรัสเซียลงนามอย่างเป็นทางการในคำสั่งผนวกดินแดนที่เคยเป็นของยูเครน ได้แก่บางส่วนของภูมิภาคโดเนตสก์, ภูมิภาคลูฮันสก์ทั้งหมด, ภูมิภาคซาปอรีเชีย, และดินแดนไครเมีย ล่าสุดนายปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันครูของรัสเซียว่า เขาจะทำให้ภูมิภาคเหล่านี้มีเสถียรภาพ โดยดำเนินการพัฒนาอย่างใจเย็นและค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ นายปูตินยังลงนามในคำสั่งยึดครองโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอรีเชียอย่างเป็นทางการ ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครน และเป็นสถานที่ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป โดยหลังจากนี้ทางการรัสเซียจะจัดให้บริษัทแห่งใหม่เข้ามาบริหารโรงไฟฟ้าดังกล่าว
อย่างไรก็ตามการที่กองทัพยูเครนอ้างว่า สามารถช่วงชิงพื้นที่หลายหมู่บ้านในภูมิภาคลูฮันสก์และแคร์ซอนกลับคืนมาได้ในช่วงไม่กี่วันก่อน ทั้งยังยึดคืนพื้นที่ในภูมิภาคโดเนตสก์ได้เพิ่มขึ้นแล้วก่อนหน้านั้น ทำให้นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียต้องออกมากล่าวตอบโต้ว่า
“เราจะทวงคืนทุกดินแดนที่สูญเสียไป ขอบอกให้ชัดเจนไว้เลยว่า ภูมิภาคเหล่านั้นจะต้องอยู่กับรัสเซียไปตลอดกาล เราจะต้องได้ดินแดนกลับคืนมา”
ด้านนายอันเดรย์ คาร์โตโปลอฟ ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมประจำรัฐสภารัสเซีย กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อของทางการรัสเซียว่า รัฐบาลจะต้องหยุดโกหกเล่าเรื่องเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์ในสนามรบได้แล้ว เพราะประชาชนชาวรัสเซียไม่ได้โง่เขลาเสียจนไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร
ขณะนี้กองทัพยูเครนเริ่มพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทั้งในแนวรบทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ โดยนายเซอร์ฮีย์ ไฮได ผู้ว่าการภูมิภาคลูฮันสก์ของยูเครนบอกกับบีบีซีว่า เมื่อวานนี้ ( 5 ต.ค.) สามารถยึดคืนดินแดนจากรัสเซียได้ถึง 6 หมู่บ้านด้วยกัน
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้แจ้งข่าวในวันเดียวกันว่า กองทัพยูเครนสามารถปลดปล่อยพื้นที่ของ 3 หมู่บ้านในภูมิภาคแคร์ซอน ให้เป็นอิสระจากการยึดครองของรัสเซียได้เพิ่มอีก หลังมีชัยชนะในภูมิภาคดังกล่าวติดต่อกันมาหลายวันก่อนหน้านี้
ทางการรัสเซียยังคงเดินหน้าเรียกระดมกำลังพลสำรองต่อไป เพื่อจัดตั้งกองกำลัง 300,000 นาย ไปเสริมทัพต่อสู้กับยูเครนตามที่ผู้นำรัสเซียได้มีคำสั่งเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม มีการยกเว้นให้กำลังพลสำรองบางประเภทไม่ต้องถูกเรียกเกณฑ์ในครั้งนี้ หลังประชาชนแสดงการประท้วงต่อต้านคำสั่งดังกล่าวอย่างรุนแรง
…..
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว
