สี จิ้นผิง : ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจีนกำลังบอกอะไรเรา

  • แอนนาเบล เลียง
  • ผู้สื่อข่าวธุรกิจบีบีซี

นายสี จิ้นผิง ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการแล้วระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ซึ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 23 ต.ค.

การประชุมใหญ่ดังกล่าวยังเป็นการเปิดตัว หลี่ เฉียง “มือขวา” คนใหม่ของนายสีด้วย โดยเลขาธิการพรรคประจำนครเซี่ยงไฮ้คนนี้กำลังจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีน ต้องบริหารประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก

ในวันนี้ (24 ต.ค.) จีนเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจซึ่งตอนแรกมีกำหนดเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนกำลังเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และกรณีพิพาททางการค้ากับสหรัฐอเมริกา

มาดูกันว่าเราเรียนรู้อะไรบ้างจากการเผยแพร่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจครั้งนี้

เติบโตช้า

ในวันนี้ (24 ต.ค.) ราคาหุ้นในฮ่องกงตก และเงินหยวนของจีนก็อ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังมีความกังวลกันว่านายสีจะดำเนินนโยบายที่อิงอุดมการณ์เป็นหลักแม้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ

China's leader Xi Jinping walks with members of the Chinese Communist Party's new Politburo Standing Committee, the nation's top decision-making body, including Li Qiang.

ที่มาของภาพ, Getty Images

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงกว่า 6% ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ ที่อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกงต่างก็ตกลง ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลง 2%

จากตัวเลขทางการ เศรษฐกิจจีนโตขึ้น 3.9% ระหว่างเดือน ก.ค. ถึง ก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นี่ถือว่าสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยสูงขึ้นมาจากการเติบโตแค่ 0.4% ในไตรมาสที่แล้วตอนที่นครเซี่ยงไฮ้ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์

“การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ไม่ได้เผยให้เห็นทิศทางใหม่เรื่องนโยบายเศรษฐกิจ ต้องรอดูกันต่อไปว่านโยบายเศรษฐกิจโดยรวมจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างที่จีนหวังหรือเปล่า” เบิร์ต ฮอฟแมน จากสถาบันเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าว

แม้ว่าเทียบกับชาติตะวันตกส่วนใหญ่แล้ว เศรษฐกิจจีนจะเติบโตขึ้นมาก แต่ก็ยังห่างไกลจากเป้า 5.5% ที่ตั้งไว้เมื่อเดือน มี.ค.

ตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา คณะกรรมการกรมการเมืองประจำพรรคคอมมิวนิสต์ (Politburo Standing Committee) ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะพลาดเป้าที่วางไว้ หลังจากต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนหรือทั้งเมืองในหลายเมืองใหญ่

“มือขวา” คนใหม่

Li Qiang
หลี่ เฉียง, Reuters

นักวิเคราะห์บางคนมองว่านายสีเลือกคณะกรรมการกรมการเมืองโดยพิจารณาที่ความจงรักภักดีมากกว่าความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์

มือขวาคนใหม่ของเขาคือ หลี่ เฉียง ซึ่งคาดว่าจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ปีหน้า เขาต้องมาบริหารเศรษฐกิจแม้ว่าไม่มีประสบการณ์การทำงานกับรัฐบาลกลางเลย อย่างไรก็ดี เขามีส่วนร่วมโดยตรงในการบริหารเศรษฐกิจในมณฑลเจ้อเจียงและนครเซี่ยงไฮ้ และมีบทบาทสำคัญในการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาที่นครเซี่ยงไฮ้

แดน หวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารฮั่งเส็ง บอกว่า หากพิจารณาถึงประสบการณ์ที่เขามี นายหลี่เป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานนี้ เขาบอกอีกว่า การที่เขาเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของนายสี กระบวนการตัดสินใจจะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม “หากการตัดสินใจเหล่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูก”

นิค มาร์โร จากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง The Economist Intelligence Unit (EIU) ของนิตยสารดิอิโคโนมิสต์ บอกว่า ความสมดุลของลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีคงจะดำเนินต่อไปเมื่อนายสีขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่ 3 แต่ “การผุพังของหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจจะทำให้มีความเสี่ยงและทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงขึ้น” หากนโบายที่ทำมาลงเอยด้วยความล้มเหลว”

หลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ถูกมองว่ามีมุมมองที่เป็นสายกลางกว่า เขาดำรงตำแหน่งนี้มาจะทศวรรษแล้วและคาดว่าจะเกษียณราชการหลังจากครบสมัยในเดือน มี.ค. ปีหน้า

ใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อ

ก่อนหน้าการประชุมใหญ่ มีความหวังกันว่าจีนจะประกาศเลิกใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ

ก่อนหน้าวันประชุม ซุน เย่หลี่ โฆษกพรรค ออกมายืนยันสนับสนุนนโยบายนี้โดยบอกว่า “เราเชื่อมั่นว่าแสงสว่างอยู่ข้างหน้าและความเพียรพยายามจะนำมาสู่ชัยชนะ”

ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม นายสี จิ้นผิง ก็พูดไปในทางเดียวกันโดยบอกว่า จีน “เริ่มทำสงครามเพื่อหยุดการแพร่กระจายของไวรัส” และ “ปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของคนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ยุน ซุน จากศูนย์สติมสัน ในกรุงวอชิงตันดีซี มองว่า จีนจะเริ่มค่อย ๆ ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์

“เป็นที่รู้กันดีว่าจีนวางแผนที่จะเปิดประเทศ และจะเริ่มกระตุ้นให้การค้าเจริญเติบโต จีนกำลังพยายามจะหาพื้นที่ตรงกลางระหว่างการควบคุมและการเจริญเติบโต ไม่ใช่พยายามจะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง”

อย่างไรก็ดี แดน หวัง จากธนาคารฮั่งเส็ง บอกว่า จีนจะใช้นโยบายนี้ต่อไปอีกนาน

จีนและนานาชาติ

มีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าจีนจะค่อย ๆ ปิดตัวเองจากระบบเศรษฐกิจโลก

นายมาร์โรจาก The Economist Intelligence Unit บอกว่า อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้อย่างหนึ่งคือความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักกับสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์คนนี้บอกว่า การควบคุมสินค้าส่งออกเพิ่มเติมของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลต่อทั้งความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีจีน และบางส่วนของภาคการผลิตเทคโนโลยีในประเทศจีนด้วย เขาบอกว่าจีนจะเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ยากเพราะว่ามีหลายอย่างที่เชื่อมโยงกับความแตกต่างทางค่านิยมเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของสองประเทศ

นายฮอฟแมน จากสถาบันเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ บอกว่า จีนภายใต้การนำของนายสีในสมัยที่ 3 ต้องอาศัยทีมบริหารเศรษฐกิจที่ทั้งมีความสามารถและมากประสบการณ์และการปฏิรูปเศรษฐกิจ

เมื่อวันอาทิตย์ (23 ต.ค.) นายสีกล่าวยืนยันว่าจีนมุ่งมั่นที่จะทำการค้ากับนานาชาติ

“จีนไม่สามารถพัฒนาได้โดยไม่มี [ประเทศอื่น ๆ ใน] โลก และโลกก็ต้องการจีน”

“กว่า 40 ปี แห่งความพยายามอย่างไม่ท้อถอยในการปฏิรูปและเปิดประเทศ เราสร้างปาฏิหารย์ขึ้นมา 2 อย่าง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และความมั่นคงทางสังคมในระยะยาว”

…..

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว