คลัง เตรียมเก็บ VAT สินค้านำเข้าต่างประเทศต่ำกว่า 1,500 บาท พ.ค. นี้

คลังเตรียมนำร่องเก็บ VAT สินค้านำเข้าต่างประเทศต่ำกว่า 1,500 บาท พ.ค.นี้ พบมีถึง 90% หรือประมาณ 36 ล้านชิ้น ชี้ต้องแกะกฎหมายผูกมัด “ศุลกากร-สรรพากร” หนุนแข่งขันที่เป็นธรรม

วันที่ 29 เมษายน 2567 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงต้นพฤษภาคมจะเริ่มดำเนินการกฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้า โดยไม่มีข้อยกเว้นสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อยในประเทศ ทำให้สินค้าที่ซื้อจากต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เหมือนกับสินค้าที่ซื้อจากร้านค้าในไทยทั่วไป ทั้งนี้ จะเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้าตั้งแต่บาทแรก

“วันนี้การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เขาไม่ต้องเสียสำหรับสินค้าที่ต่ำกว่า 1,500 ต่อไปจะต้องเสีย คาดว่าจะมีผลในเดือน พ.ค.นี้ ” ปลัดคลังกล่าว

ทั้งนี้ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าออนไลน์และนำเข้าจากต่างประเทศ ช่วงแรกจะใช้อำนาจของกรมศุลกากรในการออกประกาศมาใช้ก่อน ซึ่งจะทำได้รวดเร็วกว่าและเก็บภาษีได้ทันที ส่วนระยะยาวจะต้องไปแก้ไขประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากร ในส่วนนี้การดำเนินการระหว่างนี้ได้เสร็จหมดแล้ว กฎหมายกรมศุลกากรได้เสนอมาที่กระทรวงการคลังเรียบร้อย

นายลวรณกล่าวต่อว่า คงจะได้เห็นการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้น ไม่ว่าสินค้าจากไหนก็ตามราคาต่ำกว่า 1,500 บาทยังเป็นช่องเว้นอยู่ โดยในหลายประเทศอยากจะเว้นกฎหมายศุลกากรในราคาประมาณหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติเป็นสากลอยู่แล้ว เพื่อให้ปริมาณงานให้น้อยลง บริหารความเสี่ยงสินค้าชิ้นเล็ก ๆ  ไปดูสินค้าใหญ่ที่หลบภาษีหนัก ๆ สำหรับประเทศไทย ในประมวลรัษฎากรเดิมเขียนไว้ว่า เมื่อไหร่ที่สินค้าได้รับการยกเว้นศุลกากรก็จะได้รับการยกเว้น VAT ไปด้วย ซึ่งมันผูกกันอยู่

Advertisment

“เรากำลังจะแกะออกจากกัน ศุลกากรจะเว้นถึง 4-5 พันก็เว้นไป แต่ VAT ไม่เว้น แกะแบบเร็ว ๆ ให้กรมศุลฯแกะไปก่อน เดือนหน้าใช้ แกะแบบสวยงาม เดี๋ยวรอสรรพากรอีกที” นายลวรณกล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า สำหรับยอดสินค้านําเข้ามีเกือบ 40 ล้านชิ้น เป็นสินค้าที่ต่ำกว่า 1,500 บาท ประมาณ 90% หรือประมาณ 36 ล้านชิ้น ซึ่งเยอะมาก โดยมากจะเข้ามาผ่านแพลตฟอร์ม ผ่านไปรษณีย์ไทยส่วนหนึ่งประมาณ 10% ซึ่งในส่วนภาษี VAT สินค้านำเข้าจะเริ่มเข้าไปดําเนินการเพื่อให้มันเกิดความเป็นธรรมในภาคการผลิต สําหรับเอสเอ็มอีไทยที่ต้องแข่งขันกับสินค้านําเข้าจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ทั้งนี้ หากจัดเก็บแล้ว ผู้ขายก็ต้องผลักไปสู่ผู้บริโภค แต่ว่าจะทําให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมขึ้นกับผู้ผลิตในประเทศไทย