บุหรี่เถื่อนระบาดช่วงปีใหม่ จับผู้ค้าลักลอบขนเข้าไทยรวม 85 ล้านบาท

บุหรี่

บุหรี่หนีภาษีระบาดรับเทศกาลปีใหม่ จับกุมผู้ค้าลักลอบขนเข้าไทย จากหลักหมื่น-แสนซอง รวมมูลค่า 85 ล้านบาท วอนรัฐเร่งแก้ไขให้เด็ดขาด หลังปรับราคาขึ้นไม่ถึงปี

วันที่ 4 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า ภายหลังที่รัฐบาลได้ประกาศปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ราคาบุหรี่ที่เสียภาษีอย่างถูกกฎหมายปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

ส่งผลให้ผู้ค้าบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่หนีภาษีที่มีราคาถูกกว่าบุหรีถูกกฎหมายประมาณ 20-40 บาทต่อซอง ได้ลักลอบขนบุหรีเถื่อนลอตใหญ่ลำเลียงเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางทะเล ผ่านด่านชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะใน จ.นราธิวาส ที่ล่าสุดได้จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนลอตใหญ่ได้หลายคดี คิดเป็นมูลค่าร่วมกว่า 85 ล้านบาท

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับหมื่นซองจนไปถึง 3-5 แสนซอง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่มีการขนส่งบุหรี่เถื่อนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ลักลอบขนบุหรี่เถื่อนเข้าไทยแตะ 5 แสนซอง

สังเกตได้จากการจับกุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมได้อย่างต่อเนื่องและเป็นลอตใหม่หลายราย ระดับหลายหมื่นซอง ทยานไปถึงหลัก 3 -5 แสนซองตลอดระยะเวลาตั้งแต่ประกาศขึ้นราคาบุหรี่เมื่อตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และเริ่มน่าสังเกตโดยเฉพาะใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ยิ่งมีการลักลอบมากขึ้น หรือมีความต้องการมากขึ้นในปีหน้าจึงมีการขนส่งบุหรี่เถื่อนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ หลายเสียงของผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยาสูบล้วนมองว่า “บุหรี่เถื่อน” หรือ “บุหรี่หนีภาษี” เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข หากปล่อยให้เรื้อรังท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบ อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท และเป็นแหล่งรายได้จากการเก็บภาษีเข้ารัฐถึงปีละ 60,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดปัญหาในระดับท้องถิ่นและประเทศในอนาคต และจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากจะแก้ไขอีกด้วย

นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย ระบุว่า บุหรี่หนีภาษีแย่งส่วนแบ่งตลาดไปถึง 29% ไม่เป็นธรรมต่อผู้ค้าที่เสียภาษีถูกกฎหมาย ซึ่งก็ได้หารือกับคณะกรรมาธิการหลาย ๆ คณะ รวมทั้งกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ทุกฝ่ายทราบว่ามีปัญหานี้ แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการแก้ปัญหา

“อยากให้ภาครัฐจริงใจในการแก้ไขปัญหาบุหรี่หนีภาษี ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจังขยายผลไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เพราะหากปัญหายังคงวนเวียนอยู่แบบเดิม รัฐจะเป็นผู้เสียรายได้ในที่สุด”

ขณะที่นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบกล่าวว่า การที่บุหรี่เถื่อนมาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของการยาสูบแห่งประเทศไทย เพราะช่องว่างของราคาบุหรี่ถูกกฎหมายกับบุหรี่เถื่อนแตกต่างกันมาก กลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย แต่ส่วนใหญ่จะสูบบุหรี่และหันไปซื้อบุหรี่ราคาถูกเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า

“อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญการปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ ทั้งบุหรี่มวน ยาเส้น และบุหรี่ไฟฟ้า แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่ รณรงค์ให้ลดการสูบ แต่เมื่อคนมันจะสูบจะรณรงค์อย่างไร จะออกกฎหมายบังคับอย่างไรก็ยังคงสูบเหมือนเดิม รัฐต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ควรตั้งคณะกรรมการปราบปรามบุหรี่เถื่อนแห่งชาติ เพื่อมาจัดการปัญหาบุหรี่หนีภาษี หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต และรัฐจะสูญเสียรายได้มากกว่าในปัจจุบัน”

จับกุมคดีบุหรี่หนีภาษี ปีงบฯ 64 รวมค่าปรับ 262 ล้านบาท

ข้อมูลจากกรมสรรพสามิต เผยว่า ได้ดำเนินการปราบปรามบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่หนีภาษีและบุหรี่ปลอมอย่างเข้มข้น ภายใต้แผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต ระดมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจทั่วประเทศ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบปราบปรามตามพื้นที่เป้าหมาย ตามแนวชายแดนที่คาดว่าจะกระทำผิด การดำเนินการทั้งหมดเพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เสียภาษีโดยสุจริต และเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค โดยในปีงบประมาณ 2564 (1 ตุลาคม 63-30 กันยายน 64) กรมสามารถจับกุมและปราบปรามคดีบุหรี่หนีภาษีจำนวน 6,868 คดี คิดเป็นค่าปรับกว่า 262 ล้านบาท