ศึกพรีเซ็นเตอร์ยุคใหม่

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย ดิษนีย์ นาคเจริญ

ชิงไหวชิงพริบกันน่าดู พลันที่ “เอไอเอสคว้า” แม่หญิงการะเกด “เบลล่า-ราณี” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

กลุ่มทรูก็ดึง “โป๊ป-ธนวรรธน์” มาบ้าง แม้ไม่ทันช่วงละครบุพเพสันนิวาสออนแอร์แต่การใช้บริการ “พี่หมื่นโป๊ป” ในแคมเปญ “True Point & Pay ยิ่งขาย ยิ่งจ่าย ยิ่งได้ทรูพอยท์” เพื่อดึงร้านค้าให้มาใช้แอปพลิเคชั่น “ทรูเถ้าแก่ 4.0-True Merchant 4.0” นับเป็นการเชื่อมต่อโลกเก่า (ในละคร) กับโลกใหม่ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ใครได้ดูโฆษณาชุด #ขายดีร้านแตก “ทรู เถ้าแก่ 4.0” จะแบบยาว 6 นาที หรือ 30 วินาที คงพอนึกภาพออก

ทรูตั้งใจให้ “พี่หมื่นโป๊ป” มาเชื่อมกระแส “ออเจ้า” เจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่ ประมาณเดียวกับที่แบงก์ปูพรม QR Code และโปรโมต “โมบายแบงกิ้ง” นั่นล่ะ

ร้านค้าที่มี “แอปพลิเคชั่น เถ้าแก่ 4.0” ก็จะขายของผ่านแอปพลิเคชั่นได้ ให้ “ลูกค้า” สแกน QR Code ของร้านค้า ก็จ่ายเงินผ่าน “ทรูมันนี่วอลเล็ท” ได้ทันที

นอกจากไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม “ทรู” ยังโปรโมตร้านค้าผ่านสื่อในเครือให้ด้วย ปีนี้ตั้งเป้าดึงทั้งร้านค้าเดิมที่ร่วมในโปรแกรมสะสมแต้ม “ทรูยู” (TrueYou) อยู่แล้วกว่า 2 หมื่นแห่ง และร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้งานรวมกันไม่ต่ำกว่าแสนแห่ง โดยมีแคมเปญ “True Point & Pay” ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้งานเพิ่มขึ้น

ทั้งฝั่งผู้บริโภค และร้านค้าจะได้คะแนนสะสมเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลดและแลกซื้อสินค้าได้ ทุก 25 บาท ที่เป็นรายรับของร้านค้า ร้านจะได้ 1 คะแนน เช่นกันกับผู้บริโภคที่ทุกการชำระเงิน 25 บาทผ่าน “ทรูมันนี่วอลเล็ท และทรูไอดี” จะได้ทรูพอยท์ 1 คะแนนเช่นกัน ในระหว่างนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ (15 พ.ค.-30 มิ.ย.) จับรางวัลทุกวัน 5 รางวัลสำหรับลูกค้า และ 5 รางวัลสำหรับร้านค้า รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

“ฐานพล มานะวุฒิเวช” ผู้บริหาร กลุ่มทรู กล่าวว่าแคมเปญนี้จะช่วยต่อยอดบริการทั้งทรูมันนี่วอลเล็ท, ทรูยู และทรูไอดี สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ และสนับสนุนสังคมไร้เงินสดตามนโยบายของรัฐบาลศึกอีวอลเล็ท-QR Code จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสมรภูมิแบงก์อีกต่อไป

ฟาก “เอไอเอส” ในสงครามชิงพรีเซ็นเตอร์โดดเด่นมากช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสออนแอร์ ไม่ใช่แค่ปิดดีล ดึง “เบลล่า-ราณี” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ก่อนใครในจังหวะกระแส “ออเจ้า” พีกมากเท่านั้นแต่ร่วมกับช่อง 3 และ “บรอดคาสต์ไทย เทเลวิชั่น” ผลิตคอนเทนต์พิเศษ และจัดกิจกรรมออกมาได้ทันท่วงที

การใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นตัวแทนแบรนด์เป็นทางถนัดของ “เอไอเอส” อยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าการสื่อสารไปยังผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงต้องมีตัวแทนที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภคได้

เป็นที่มาของความร่วมมือแบบ “cocreation” ภายใต้แนวคิด “real time presenter” ด้วยการผลิต “คลิปละครบุพเพสันนิวาสเวอร์ชั่นพิเศษ” นำเสนอบนช่องทาง “ออนไลน์” ให้ดูกันทุกคืนวันพุธ และพฤหัสบดี รวม 6 ตอน หลังละครออนแอร์แบบเรียลไทม์

ยอดผู้ชมรวมทุกคลิปบนทุกโซเชียลมีเดียหลักของ “เอไอเอส” สูงกว่า 38 ล้านวิว มียอดแชร์แต่ละตอนกว่า 50,000 ครั้ง

ขณะที่แฮชแท็ก #แรงข้ามภพข้ามชาติ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ต่อเนื่อง

วันที่ละครออนแอร์ตอนจบยังมีกิจกรรม “ฟินข้ามภพตอนจบแห่งชาติ แซ่ซ้องโดยเอไอเอส” ฉายตอนจบรอบพิเศษที่โรงภาพยนตร์ พร้อมทีมนักแสดงนำโดยแม่หญิงการะเกด-เบลล่า มาจัดกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอสด้วย

“ปรัธนา ลีลพนัง” ผู้บริหาร “เอไอเอส” กล่าวว่า เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของละคร และความร่วมมือระหว่าง “เอไอเอส, ช่อง 3 และบรอดคาซท์ไทย เทเลวิชั่น”

ทำให้เห็นการนำความสำเร็จในโลก “ออฟไลน์” จากละครโทรทัศน์กับกระแสบน “โลกออนไลน์” ที่ขยายมาสู่ “ออนกราวนด์อีเวนต์” ได้อย่างเป็นรูปธรรม

แต่ทั้งหมดทั้งมวลในโลกยุคปลาเร็วกินปลาช้านี้ทำอะไรต้องจับเทรนด์ให้ทัน คิดให้ไว ครีเอตให้โดน นำเสนอแบบถูกที่ถูกทางด้วยจึงจะตอบโจทย์ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย