ภัยเงียบคนกรุง

แฟ้มภาพ

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย พิเชษฐ์ ณ นคร

 

หมอกควันพิษที่หนักหนาสาหัสขึ้นทุกวันกำลังเป็นปัญหาใหญ่เขย่าขวัญคนกรุง เพราะสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเวลานี้ ไม่ต่างไปจากที่คนภาคเหนือกับภาคใต้ตอนล่างเผชิญปัญหาหมอกควันพิษจากการเผาป่าปลูกข้าวโพด ทำสวนปาล์มน้ำมันทั้งในประเทศไทย และในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดมลพิษเข้าขั้นวิกฤต

ต่างกันเพียงต้นตอของปัญหาหมอกควันพิษในกรุงเทพฯและปริมณฑล หลัก ๆ มีที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากการจราจร และการคมนาคมขนส่ง การเผาขยะมูลฝอย

รวมทั้งการเผาไหม้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซไนโครเจนไดออกไซด์ (NO2) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ก๊าซ CFCs รวมทั้งฝุ่นละออง ควันดำและควันขาว ฯลฯ

วิกฤตหมอกควันพิษเลยกลายเป็นปัญหาร่วมของคนกรุงเทพฯและปริมณฑล กับคนต่างจังหวัด ยิ่งข้อมูลข่าวสารติดต่อถึงกันได้รวดเร็ว บวกกับสภาพความเป็นไปในสังคมเมือง และความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ความกังวลระคนตื่นตระหนกจึงเกิดขึ้นในวงกว้าง แม้ไม่รู้ว่าโชคดี หรือโชคร้ายที่ยามนี้อัตราเสี่ยงและอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพคนกรุงกับคนต่างจังหวัดมีพอ ๆ กัน

ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อ 14 มกราคมที่ผ่านมาระบุว่า คุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ปริมณฑล อยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐาน ได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 49-83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (g/m3) เกินมาตรฐาน หลายพื้นที่ในเขต กทม.และปริมณฑล อาทิ เขตบางขุนเทียน บางนา บางกะปิ ดินแดง ธนบุรี วังทองหลาง พญาไท จ.นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี เป็นต้น พื้นที่เสี่ยงอาจเปลี่ยนแปลงไป ตามแต่ช่วงเวลาและสภาพอากาศแต่ละวัน

แต่ในภาพรวมมลพิษหมอกควันใน กทม.และชานเมืองแทบไม่ต่างไปจาก 2-3 สัปดาห์ก่อน

สัญญาณอันตรายที่สื่อสารถึงกันด้วยการบอกต่อกันปากต่อปาก การส่งข่าวสารผ่านทางสื่อโซเชียล สังคมออนไลน์ ขณะที่สื่อหลักทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ก็ไม่ยอมตกกระแส ข่าวมหันตภัยอากาศเป็นพิษจึงถูกเกาะติดต่อเนื่องทำให้คนกรุงกับจังหวัดปริมณฑลตระหนักถึงอันตรายจากภัยมืดในอากาศ

ทำเอารัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั่งไม่ติด ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการด่วนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเร่งแก้ไข ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เชิญหลายหน่วยงานเข้าหารือ โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมาตรการให้สถานการณ์ฝุ่นละอองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

แม้หลายมาตรการที่นำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจคาดหวังผลได้ไม่เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการระดมรถดับเพลิง รถฉีดน้ำล้างถนน การฉีดพ่นละอองน้ำบนถนนสายหลัก การบินโปรยน้ำโดยกองทัพอากาศ การขึ้นบินทำฝนเทียม

โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ฯลฯ ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กทม. กรมโรงงานอุตสาหกรรม กองบังคับการตำรวจจราจร ฯลฯ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมดูแลพื้นที่ก่อสร้างอาคาร โครงการรถไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งเร่งแก้ปัญหารถควันดำ ฯลฯ

ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว หลายหน่วยงานอาจต้องร่นระยะเวลาการนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ในการควบคุมดูแลการปล่อยมลพิษจากการจราจร ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดหมอกควันพิษ ด้วยการคุมเข้มควันดำจากรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ การเผาขยะ ควันพิษจากโรงงาน รวมทั้งมาตรฐานเชื้อเพลิงที่ใช้กับยานพาหนะ

เพราะแม้สิ่งที่คนกรุงเทพฯ ปริมณฑล กับคนต่างจังหวัดอีกหลายจังหวัดกำลังเผชิญขณะนี้ จะเป็นวิกฤตที่หลายประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรปต่างประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ ผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน

แต่ถ้าปล่อยไว้นานวันไม่เร่งแก้ คนไทยจะยิ่งสูดดมควันพิษ เสี่ยงตายผ่อนส่ง