ต้องกล้าทุบโต๊ะแก้ฝุ่นควัน PM 2.5

บทบรรณาธิการ

ฝุ่น PM 2.5 ทำให้สภาพอากาศหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นอันตรายเข้าขั้นวิกฤต ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาหมอกควันพิษเกินค่ามาตรฐาน มีผลกระทบต่อสุขภาพคนกรุง และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองรุนแรงกว่าที่คาด

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ต้องประกาศให้โรงเรียนในสังกัด กทม.กว่า 400 โรง หยุดการเรียนการสอนบ่ายวันที่ 30 มกราคม-1 กุมภาพันธ์

ขณะเดียวกันก็ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ ประกาศให้ กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ รวมทั้งให้แหล่งกำเนิด 3 แหล่งเป็นแหล่งก่อเหตุรำคาญในพื้นที่ ได้แก่ 1.รถยนต์ดีเซลที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 2.การเผาในที่โล่ง 3.กิจกรรมก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อปัญหามลพิษทางอากาศ

พร้อมบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ม ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลแหล่งก่อเหตุรำคาญรายงานผลการควบคุมดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบภายใน 7 วัน ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ส่งหนังสือด่วนถึงสถาบันอุดมศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน ขอความร่วมมือหยุดการเรียนการสอนในช่วงเวลาดังกล่าวชั่วคราวเช่นเดียวกัน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบโรงงาน พร้อมระบุว่าหากยังแก้ฝุ่นควันพิษไม่ได้จะใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นอีก อาทิ สลับวันรถวิ่งวันคู่วันคี่ ให้ปิดโรงงานบางช่วงเวลา การห้ามขับขี่หรือนั่งรถคนเดียว ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติรัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังใช้สูตรสำเร็จวิธีการเดิม ๆ อย่างการตรวจจับรถควันดำ ฉีดพ่นน้ำ ล้างถนน ทำฝนเทียม ฯลฯ มาตรการเหล่านี้แม้จะช่วยบรรเทาปัญหา แต่สถานการณ์ฝุ่นควันพิษใน กทม.และปริมณฑลขณะนี้อยู่ในระดับวิกฤตรุนแรง จึงน่าจะออกมาตรการแก้ปัญหาแบบฉุกเฉินเร่งด่วนเพื่อให้เห็นผลในทางปฏิบัติ ลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชนโดยเร็วที่สุด

แนวทางในการคลี่คลายปัญหา แก้สถานการณ์จึงอาจมีไม่มากนัก หนึ่งในทางเลือกที่ควรทำ คือ รัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกล้าทุบโต๊ะใช้มาตรการแก้ปัญหาในลักษณะเข้มงวดเข้มข้น ด้วยการควบคุมป้องกันที่ต้นเหตุการเกิดฝุ่นควันพิษ PM 2.5

ควบคู่กับรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้คนไทยทุกภาคส่วนตระหนักและเห็นถึงมหันตภัยดังกล่าว ที่่สำคัญต้องกล้าตัดสินใจ ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ