5G ไม่ใช่ยาวิเศษ

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย ดิษนีย์ นาคเจริญ

 

ในห้วงเวลานี้คุยกับใคร ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้า คนขับแท็กซี่ พนักงานบริษัท ยันนักธุรกิจระดับประเทศต่างรู้สึกเหมือนกันว่าเศรษฐกิจไทยห่างไกลจากคำว่า “สดใส” มาก จะบอกว่าเผาจริงเผาหลอกเข้าใกล้เมรุหรือยังห่างไกลก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ ๆ ไม่มีใครสักคนบอกว่าจะดีเลย

ในงานสัมมนา “2020 ปีแห่งการลงทุน : ทางออกประเทศไทย” จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน กลาง ม.ค.ที่ผ่านมา “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีพูดถึงระเบิด 3 ลูกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยว่า เกิดจากธุรกิจส่งออกติดลบ การไม่ลงทุนของภาคเอกชนไทย และค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น

โดยระบุว่า ลูกแรกเป็น “ระเบิดเหนือน้ำ” จากการที่ภาคธุรกิจส่งออกค่อย ๆ ชะลอตัวจนติดลบถึง -7.7% ในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา

“เมื่อโลกสะเทือนจึงควบคุมไม่ได้ เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 70% ของจีดีพี”

ลูกถัดมา คือ “ระเบิดใต้น้ำ” เป็นระเบิดลูกเล็ก ๆ หลายลูก เช่น โครงการลงทุนขนาดใหญ่เคลื่อนตัวช้ากว่าแผนงบประมาณแผ่นดินที่ล่าช้า ทำให้รายจ่ายประจำใช้ได้ครึ่งเดียว ขณะที่งบฯลงทุนเบิกจ่ายแทบไม่ได้ส่งผลให้งบประมาณที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไปไม่ได้ ส่วนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังเหลืองบประมาณค้างอยู่กว่าแสนล้านบาท เป็นต้น

“ดร.สมคิด” บอกว่า กำลังแก้ไขเพื่อลดผลกระทบจากระเบิดลูกที่ 2 โดยเร่งการลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและระเบิดลูกที่ 3 คือ “ค่าเงินบาท” ก่อนสิ้นปี 2562 เงินบาทแข็งค่า “หลุดกรอบ” 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” แม้มีเงินทุนไหลเข้าแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทย

“เงินบาทที่แข็งค่าเกิดจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทย คือ ส่งออกติดลบ การนำเข้าลดลงทำให้เกิดช่องว่าง ทำให้เงินบาทแข็งค่า ยิ่งเอกชนไม่ลงทุนเป็นผลให้เงินบาทแข็งต่อเนื่อง ขณะนี้เอกชนลงทุนแค่ 16% ของจีดีพีเท่านั้น”

“ดร.สมคิด” ถึงกับบอกว่าหาคำจำกัดความสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญได้ยากมาก “ประเทศไทยอยู่ในจุดที่…(เงียบ และนิ่งคิด)” ก่อนพูดซ้ำว่า…อยู่ในจุดที่ “สำคัญมาก” ที่ต้องใช้การบริหารจัดการที่ดี และต้องสามัคคีกันด้วย

ใครจะว่ายังไงก็ว่ากันไป แต่สำหรับ “กสทช.” ผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มพิกัด ผ่านการลงทุน 5G

“ฐากร ตัณฑสิทธิ์“เลขาธิการ กสทช.บอกว่า การลงทุน 5G คือ “แสงสว่างของประเทศ” พร้อมแจกแจงว่า 16 ก.พ.เป็นวันประมูลคลื่น 5G และปลาย ก.พ. จะออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นแก่ผู้ชนะประมูล และใน มี.ค.ต้องมีการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์สำหรับให้บริการในทันที ทั้งประกาศว่าไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เปิดให้บริการ 5G ในเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่แค่การทดลองทดสอบเหมือนประเทศอื่น ๆ และคาดว่าจะมีเงินเข้ารัฐอย่างน้อย 54,654 ล้านบาท จากคลื่น 2600 MHz ย่าน 700 MHz และ 26 GHz

“กสทช.จะเร่งออกใบอนุญาตเพื่อให้โอเปอเรเตอร์นำอุปกรณ์เข้ามาติดตั้ง ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็ง เราขอให้รีบนำเข้าอุปกรณ์มาใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสจะได้ราคาถูกลง”

กสทช. ประเมินว่า มี.ค.-ธ.ค.ปีนี้จะมีการลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท ทั้งจากค่ายมือถือ และตัวคูณทวีคูณอื่น

เบ็ดเสร็จแล้วจะถึง 177,039 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.02% ของจีดีพี สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแบ่งเป็นอุตสาหกรรมการผลิต 31.5% มูลค่า 624.62 ล้านบาท, ภาคการค้าและการเงิน 16% มูลค่า 317.86 ล้านบาท ภาคโทรคมนาคม 11.6% มูลค่า 229.03 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งหมดเป็นแค่การคาดการณ์ขั้นต่ำ โดยเลขาธิการ กสทช.บอกว่า “กสทช.ทำทุกอย่างตามสเต็ป และไม่ได้อยู่ในโลกของความฝัน”

สุดท้ายจะเป็นฝันที่เป็นจริงหรือฝันค้าง ไม่นานก็จะได้รู้ แต่แม้จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ก็ไม่ใช่”ยาวิเศษ” ที่จะเสกความป่วยไข้ที่เกาะกินเศรษฐกิจไทยให้มลายหายไปได้ในทันที