ชั้น 5 ประชาชาติ อมร พวงงาม
เสียงก่นด่าจากค่ายรถดังแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่กระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี
โยกโย้ไม่ยอมนำแพ็กเกจสนับสนุนหรือผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าบรรจุในวาระให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเสียที
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ผัดวันประกันพรุ่งมาตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2564 นี้เรื่อยมาจนข้ามปี
ถึงวันที่เขียนต้นฉบับ (7 ม.ค. 2565) ก็ยังไม่ลงเอย ทำให้ตลาดปั่นป่วน คนชะลอซื้อรถรอดูความชัดเจน
จำได้ว่า แพ็กเกจสนับสนุนให้คนใช้รถอีวี ท่านรองนายกฯสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
เจ้าของฉายา “มหาเฉื่อย 4D” ที่ได้จากนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลเคยนั่งยันนอนยันว่าจะ
ประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม 2565 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย
แพ็กเกจนี้เป้าหมายคือ ต้องการผลักดัน ผลักดันให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถึง 10% ของการผลิตรถยนต์ในปี 2568
และขยายไปถึง 30% ภายในปี 2573
สาระสำคัญของแพ็กเกจที่เล็ดลอดออกมาก่อนประกาศใช้ ประกอบด้วยการลดภาษีศุลกากรเป็น 0% สำหรับรถอีวีที่นำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลี และจีน
ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% จากเดิมที่เสียกัน 8% และจ่ายเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาทให้ประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถคันแรกราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
ส่วนรถอีวีที่ราคาเกิน 2 ล้าน จะลดภาษีศุลกากรเหลือ 40% ส่วนใหญ่มาจากโซนยุโรป และภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% แต่เงินอุดหนุนไม่ได้
บริษัทรถยนต์ที่จะได้รับจะต้องขอรับและได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ผู้นำเข้าอิสระ (เกรย์มาร์เก็ต) ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพราะไม่มีการลงทุนผลิตในประเทศ
ระยะเวลาแพ็กเกจ 2 ปีโดยนำเข้า 1 คันต้องผลิต 1.5 คัน หลังจากนั้นเป็น 1 ต่อ 1 ผิดเงื่อนไขจะถูกเรียกคืนภาษีทั้งหมด
ช่วงที่แพ็กเกจอีวีถูกเตะสกัดไม่สามารถชงเข้า ครม.สักที มีนักวิเคราะห์ด้านยานยนต์หลายรายกระซิบให้ฟังว่า
เรื่องนี้น่าจะมีการวิ่ง “ล็อบบี้” ซึ่งมีทั้งดึงเรื่องให้ช้าหรืออาจเลยเถิดไปถึงการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญบางอย่าง
หลายท่านคงอยากรู้ว่าใคร…คำตอบที่ได้จากนักวิเคราะห์คือ ให้ดูว่าคนไหนเสียประโยชน์
พร้อมสาธยายให้ฟังว่า การผลักดันรถยนต์จากเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบซัพพลายเชนครั้งใหญ่ รถยนต์ไฟฟ้ามาน่าจะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนล้มหายจากไปพอสมควร
เพราะชิ้นส่วนที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าจะน้อยลง หลัก ๆ คือ เครื่องยนต์ ท่อไอเสีย หัวฉีด ถังน้ำมัน ฯลฯ
บางรายอาจจะต้องปรับตัว โดยหันไปผลิตให้อุตสาหกรรมอื่น ๆ ทดแทน หรือพลิกตัวไปสู่ชิ้นส่วนยานยนต์อื่น ๆ เช่น สายไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ไฟฟ้า ฯลฯ
อีกส่วนคือค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีเครื่องยนต์เป็นของตัวเองน่าจะเสียผลประโยชน์ตรงนี้ไม่น้อย
เพราะฉะนั้นผู้ผลิตเหล่านี้อาจไม่แฮปปี้กับแพ็กเกจอีวี
ผมแย้งว่า ถ้าดูจากการลดภาษีศุลกากรแพ็กเกจอีวี รถญี่ปุ่นน่าจะได้ประโยชน์สูงสุด
เพราะเดิมเสียภาษีอยู่ 20% ลดลงเป็น 0% เหมือนบางประเทศที่มีอาฟต้า
นักวิเคราะห์พยายามชี้ให้เห็นว่า ประโยชน์จากภาษีคงเทียบไม่ได้กับการลงทุนไปก่อนหน้านี้
และไม่ลืมที่จะบอกว่า อย่ามองข้ามบางค่ายที่เคยทำตลาดอีวีอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย
เพราะแพ็กเกจอีวีที่กำลังจะคลอด
น่าจะทำให้การแข่งขันในตลาดอีวี…ร้อนฉ่าขึ้นมากโขทีเดียว