“โลตัส” ผนึก “แม่ฟ้าหลวง” คัดกาแฟคุณภาพช่วยเหลือชุมชน

ภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืนของกลุ่มเทสโก้ ที่มีชื่อว่า “The Little Helps Plan” การจัดหาสินค้าด้วยความรับผิดชอบ และมีจริยธรรมถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เริ่มดำเนินการปรับโฉมร้านเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคที่สังคมเมืองขยายตัวมากยิ่งขึ้น หนึ่งในสิ่งที่ลูกค้าในยุคใหม่มองหา คือ กลุ่มสินค้าพร้อมทาน ซึ่งรวมไปถึงกาแฟสดคุณภาพสูง

เทสโก้ โลตัส จึงพิจารณาคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่จะนำมาใช้ โดยร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

“เจมส์ พาโดแวน” กรรมการผู้จัดการเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส กล่าวว่า สินค้าที่จำหน่ายในร้านค้าของเทสโก้ในทุกประเทศทั่วโลก ต้องมาจากกระบวนการสรรหาและผลิตที่มีความยั่งยืน โดยเคารพต่อสิทธิมนุษยชน สวัสดิภาพสัตว์ ปกป้องสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ และมีราคาที่เอื้อมถึงได้

“กาแฟคือหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของหลายประเทศในทวีปละตินอเมริกา เอเชีย และแอฟริกา ชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรมากกว่า 25 ล้านคนทั่วโลกขึ้นอยู่กับกาแฟ โดยส่วนมากเป็นเกษตรกรผู้เพาะปลูกรายย่อย ซึ่งมักเผชิญกับปัญหาราคาผันผวน และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากปัญหาโลกร้อน”

“ในสหราชอาณาจักรเทสโก้กำหนดให้กาแฟเป็นหนึ่งในสินค้า top 20 ที่มีความสำคัญในด้านกระบวนการจัดหาที่ยั่งยืน เมล็ดกาแฟที่ใช้ในสินค้าแบรนด์เทสโก้ทั้งหมดในสหราชอาณาจักร ทั้งที่จำหน่ายเป็นเมล็ด กาแฟคั่วบด หรือแม้แต่ส่วนผสมของเบเกอรี่ ต้องได้รับการรับรองด้านความยั่งยืน Rainforest Alliance และ Fairtrade”

“สำหรับประเทศไทยเราคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่นอกเหนือจากคุณภาพของเมล็ดกาแฟ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของแหล่งที่มาของสินค้าตามนโยบายการจัดหาสินค้าที่ยั่งยืน (sustainable sourcing) ของกลุ่มเทสโก้ ซึ่งเมล็ดกาแฟจากโครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งด้านคุณภาพ รสชาติ และกระบวนการปลูกต้นกาแฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นมายาวนานเกือบ 30 ปี”
“เราจึงมั่นใจในมาตรฐานและความยั่งยืน จนนำมาซึ่งความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในการนำเมล็ดกาแฟจากโครงการพัฒนาดอยตุงมาเป็นวัตถุดิบสำหรับเมนูกาแฟสดทั้งร้อนและเย็น เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าในร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เพราะปัจจุบันเราโฟกัสการเปิดร้านกาแฟในพื้นที่ กทม.หรือตามหัวเมืองใหญ่ แต่ตอนนี้มีให้บริการแล้ว 44 สาขา และในอนาคตจะขยายออกไปทั่วทั้งประเทศ โดยเพิ่มเป็น 250 สาขาในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เราจำหน่ายในราคาแก้วละ 25-30 บาท”

“และความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลต่อการสนับสนุนให้คนไทยมีทักษะทางด้านบาริสต้า เพื่อเป็นการสร้างอาชีพต่อไปด้วย”

“ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวเสริมว่า การสร้างสังคมสู่ความสุขสมบูรณ์อย่างยั่งยืนเป็นหน้าที่ของทุกคน วันนี้จึงเกิดเป็นความร่วมมือของ 2 องค์กร โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ทำการจัดส่งเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากชุมชนในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการชงกาแฟสดให้กับร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส

“ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง เพราะกาแฟที่ปลูกในชุมชนเป็นกาแฟที่ปลูกภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในพื้นที่สูง ไม่ต้องตัดต้นไม้ทำลายป่า ทำให้คนกับป่าอยู่ด้วยกันได้อย่างยั่งยืน และถือเป็นรายแรกในรูปแบบของร้านกาแฟที่นำเมล็ดกาแฟดอยตุงมาชงเป็นแก้วเพื่อขายให้ลูกค้า ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลให้เกษตรกรภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุงมีรายได้เพิ่มขึ้นและสม่ำเสมอจากการขยายตลาดได้มากขึ้น”

“เพราะความพิเศษของกาแฟดอยตุงอยู่ที่ระดับความสูงของการเพาะปลูกและการพัฒนาสายพันธุ์ที่มูลนิธิวิจัยและพัฒนาเอง ตลอดจนการดูแลตั้งแต่ศึกษาพื้นที่เพาะปลูก ออกแบบแปลงให้เหมาะสม เก็บเกี่ยวเฉพาะผลที่สุกกำลังดีด้วยมือทีละเม็ด เพื่อให้ได้ความหวานของกาแฟ และผ่านการแปรรูป หมัก สีเปลือก คั่ว ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญทั้งนั้น เพราะถ้าหมักเร็วไปจะไม่ได้รสชาติที่ดี ถ้าเก็บไม่ดีสารแร่ธาตุก็จะค่อย ๆ หายไป แม้แต่อุณหภูมิที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็จะมีผลต่อปริมาณกลูโคส ทำให้ความหวานของกาแฟเจือจางได้”

“ปัจจุบันโครงการพัฒนาดอยตุงมีกำลังผลิตเป็นผลเชอรี่ (เมล็ดกาแฟแบบสด) ราว 1,200-1,300 ตันต่อปี หรือเป็นเมล็ดกาแฟตากแห้งได้ราว 300-400 ตันต่อปี ทั้งนี้ เทสโก้ โลตัสมีแผนที่จะรับซื้อเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายการจำหน่ายกาแฟสดในเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรสอีก 1,000 สาขาทั่วประเทศในระยะเวลา 3 ปี เราสามารถขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับการขยายตลาดได้มากกว่าเท่าตัวในช่วง 1-2 ปีจากนี้ไป เพื่อสนับสนุนวัตถุดิบให้เพียงพอต่อการผลักดันธุรกิจกาแฟของเทสโก้ โลตัสอย่างแน่นอน”

นับว่าความร่วมมือครั้งนี้สามารถช่วยสร้างกระแสการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการสร้างรายได้ให้ชาวสวนกาแฟ โดยคำนึงถึงคนรุ่นหลังมากขึ้น ทั้งยังเป็นการแสดงให้ธุรกิจเพื่อสังคมอื่นมองเห็นด้วยว่าธุรกิจสายหลักกำลังมองหาสินค้าที่มีการพัฒนาบนพื้นฐานของคุณภาพ และการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง