ซีเอสอาร์ฉบับ “S&P” นำองค์กรมุ่งสู่เป้าหมาย SDGs

ตลอด 47 ปีที่เอส แอนด์ พี (S&P) พัฒนา และใส่ใจผลิตภัณฑ์อาหารจนธุรกิจเติบโตมีร้านอาหารและเบเกอรี่ทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 500 สาขา ขณะเดียวกัน บริษัทยังดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (corporate social responsibility-CSR) มาโดยตลอด นอกจากการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแก่ผู้บริโภค บริษัทยังดำเนินกิจกรรมต่อต้านการทุจริตที่ประกาศใช้ทั้งองค์กร ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมปรับปรุงระบบการดำเนินงาน ลดการใช้พลังงาน เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สำหรับปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินการด้านความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “Healthier Family, Happier World” โดยใช้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs-sustainable development goals) ของสหประชาชาติ (United Nations) มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ

มณีสุดา ศิลาอ่อน
มณีสุดา ศิลาอ่อน

“มณีสุดา ศิลาอ่อน” ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาความยั่งยืน และสื่อสารองค์กร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัดกล่าวว่า ที่ผ่านมา S&P นำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับนานาชาติ SDGs มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืนที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเริ่มจากการตั้งหน่วยงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนในปี 2561

“เราต้องการโฟกัสเป้าหมาย SDGs ในประเด็นที่ธุรกิจของเรามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง จึงพูดคุยกันในองค์กรทั้งผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อเลือกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมาดำเนินงานจนได้ 5 ข้อที่ตรงกับจุดแข็งของบริษัท และความต้องการในสังคมไทย ได้แก่ เป้าหมายที่ 2 ขจัดความหิวโหย, เป้าหมายที่ 3 มีสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี, เป้าหมายที่ 8 การจ้างงานที่มีคุณค่า และการเติบโตทางเศรษฐกิจ, เป้าหมายที่ 12แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน และเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

จากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) บริษัทจึงนำมาพัฒนาเป็นโครงการสำหรับปี 2563 ทั้งหมด 5 ด้านประกอบด้วย

หนึ่ง เดินหน้าปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนนโยบายลด และเลิกใช้ single-use plastic

สอง มุ่งมั่นพัฒนาเมนูสุขภาพ

สาม การจัดการเบเกอรี่เหลือทิ้ง

สี่ มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

ห้า ให้คู่ค้าธุรกิจหลักยอมรับในจรรยาบรรณแห่งพันธมิตรทางธุรกิจ (S&P code of conduct)

“มณีสุดา” อธิบายต่อว่า “สายการผลิตอาหารให้ความสำคัญกับการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการควบคุมของเสียจากแหล่งกำเนิด เพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยก และการใช้ประโยชน์จากของเสียที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะนำไปกำจัดในขั้นตอนสุดท้ายอย่างถูกวิธี ตามหลักการจัดการของเสีย 3Rs (reduce, reuse, recycle) และมีนโยบายการดำเนินการบริหารจัดการของเสียให้สอดคล้องกับกฎหมายอย่างเหมาะสม

รวมทั้งสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลด้านการบริหารจัดการของเสีย จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม 3 รางวัล ประจำปีงบประมาณ 2562 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ 3Rs Award, 3Rs Achievement และ 3Rs Plus”

“เราทำโครงการปรับลดพลาสติก เช่น ยกเลิกการใช้ฟิล์มยืดห่ออาหาร เปลี่ยนใช้วัสดุทดแทนที่ย่อยสลายได้ง่าย ลดการใช้ถุงพลาสติกแล้วเปลี่ยนมาใช้ภาชนะที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสามารถเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ใช้กระดาษแข็งคุณภาพบรรจุอาหารบางชนิด”

กล่องขนมจีบ+ฝา

“นอกจากนั้น ยังมีโครงการ NO BAG MORE POINTS โดยให้คะแนน 10 คะแนนกับสมาชิก S&P Joy Card เมื่อซื้อสินค้าโดยไม่รับถุงพลาสติก พร้อมทั้งจัดทำโปรโมชั่นสมัครสมาชิก S&P Joy Card แจกกระเป๋าผ้ารักษ์โลก เพื่อให้สมาชิก S&P Joy Card มีส่วนร่วมในการรณรงค์ลดปัญหาขยะพลาสติกในประเทศไทย โดยปี 2562 เราลดพลาสติกได้ประมาณ 80 ตัน และปีนี้เราตั้งเป้าจะลดพลาสติกให้ได้ถึง 100 ตัน”

“เนื่องจากโรงงานของเรามีการใช้ปริมาณน้ำเพื่อการผลิตจำนวนมาก เพราะน้ำดีเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตอาหาร บริษัทจึงมีนโยบายในการลดปริมาณการใช้น้ำดี และนำน้ำเสียที่ผ่านระบบบำบัดแล้วมาใช้ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น น้ำสำหรับล้างพื้น น้ำสำหรับดูแลต้นไม้ โดยในปี 2562 เรานำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในปริมาณ 22,800 ลบ.ม. นอกจากนั้น เรายังมีโครงการใช้พลังงานสะอาด solar roof ที่โรงงานผลิตเบเกอรี่ที่โรงงานบางพลี กม.23.5 โครงการแยกขยะทั้งที่สาขา สำนักงาน และโรงงานด้วย”

นอกจากจะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม “มณีสุดา” บอกว่า S&P ยังมุ่งเน้นกิจกรรมซีเอสอาร์ที่ช่วยเหลือด้านสังคมไปพร้อม ๆ กัน โดยมีศูนย์การเรียนเอส แอนด์ พี เพื่อสนับสนุนศักยภาพของบุคลากรในองค์กร เพื่อเป็นการให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนที่ด้อยโอกาส

“บริษัทให้ทุนการศึกษาเรียนฟรีแก่นักเรียนด้อยโอกาสที่มาจากกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ทั่วประเทศ และโรงเรียนอื่น ๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยบริษัทให้เรียนฟรีในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่ศูนย์การเรียนเอส แอนด์ พี และให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี นักเรียน นักศึกษาจะฝึกอาชีพควบคู่ไปกับการทำงาน และหลังจบการศึกษาจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัท”

“ในปี 2562 มีนักเรียนจากศูนย์การเรียนสำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. จำนวน 77 คน ปัจจุบันรับการบรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ถ้ารวมจำนวนนักเรียนที่จบการศึกษาจากทั้งหมด 10 รุ่น จะมีถึง 363 คน ที่สำคัญ เรายังมีโครงการฝึกอาชีพแก่ผู้ต้องขัง โดยร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ จัดโครงการฝึกอาชีพแก่ผู้ต้องขัง 3 แห่ง โดยบริษัทให้การสนับสนุนวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อเสริมทักษะอาชีพขั้นพื้นฐานให้กับผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ เพื่อให้พวกเขาไปสร้างอาชีพ และรายได้ให้กับครอบครัว”

“โดยเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญจากโรงงานเบเกอรี่สอนแต่งหน้าเค้กให้แก่ผู้ต้องขังทัณฑสถานหญิงกลาง (หญิง) ทีมผู้เชี่ยวชาญจากบลูคัพสอนชงกาแฟสดแก่ผู้ต้องขังทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ (หญิง) และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสอนทำเมนูข้าวหมูแดงแก่เรือนจำกลางบางขวาง (ชาย) เมื่อเดือนมีนาคม และเมษายน 2562 ผ่านมา”

“มณีสุดา” กล่าวต่อว่า บริษัทต้องการเสริมสร้างการมีสุขอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อตอบแทนคืนสู่สังคม ทั้งยังต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของนักเรียนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน สำหรับในปี 2562 S&P ดำเนินการปรับปรุงโรงครัวและส่งมอบแก่ 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านถ้ำหิน จ.ราชบุรี และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์19 จ.นครศรีธรรมราช

“นอกจากนี้ เรายังนำผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำเรื่องสุขอนามัย และสร้างจิตสำนึกที่ดีในเรื่องการแยกขยะให้กับแม่ครัวและนักเรียน รวมทั้งยังมอบถังขยะ 3 สี เพื่ออำนวยความสะดวกในการแยกขยะ พร้อมกับมอบเมล็ดพันธุ์พืชอาหารสัตว์ และอุปกรณ์การเกษตรให้แก่โรงเรียน เพื่อส่งเสริมการศึกษาด้านเกษตรกรรม สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้แก่โรงเรียนต่อไป”

“เราทำการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีจากเกษตรกรไทย เพื่อช่วยการกระจายรายได้สู่ชุมชน และในปีนี้ เราจะเริ่มโครงการให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพสัตว์อย่างชัดเจน โดยเราจะใช้ไข่ไก่จากฟาร์มที่มีการเลี้ยงโดยไม่ถูกกักขังอยู่ในกรง พวกนี้จะเป็นไก่อารมณ์ดี ถึงแม้จะมีราคาต้นทุนสูงกว่าปกติ เพราะเกษตรกรต้องใช้พื้นที่เยอะในการเลี้ยงไก่ แต่เราอยากเป็นกระบอกเสียงให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า เราจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ไม่ทรมานสัตว์ และโครงการนี้เราจะเริ่ม 1 พ.ย.นี้”

เพื่อยกระดับให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับระดับสากล ทั้งยังทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า สินค้าของ S&P ทุกชนิดจะคำนึงถึงความยั่งยืนของห่วงโซ่อาหารอย่างสำคัญยิ่ง