กสร.ประกาศนโยบายเชิงรุกปี’65 แก้ปัญหาค้ามนุษย์ มุ่งสู่ Tier 1

ภาพ: REUTERS/Athit Perawongmetha

กสร.ประกาศนโยบายแก้ปัญหาค้ามนุษย์ มุ่งสู่ Tier 1 พุ่งเป้าตรวจสถานประกอบการ เร่งช่วยแรงงานที่ได้รับผลจากโควิด และเน้นใช้โนโลยีดิจิทัลพัฒนาระบบตรวจแรงงาน

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ประกาศนโยบายเร่งด่วน ป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อมุ่งสู่ระดับ tier 1 พร้อมขับเคลื่อนการทำงานของกรม ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน เดินหน้าสร้างรากฐานการปฏิบัติงานมุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อประชาชนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวในฐานะประธานการแถลงนโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประจำปี 2565 ว่า ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นำมาซึ่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและตลาดแรงงานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการล็อกดาวน์ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างงาน ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัว เพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ ซึ่งส่งผลให้แรงงานกลุ่มเปราะบาง เช่น แรงงานทักษะต่ำ แรงงานผู้หญิง แรงงานข้ามชาติในประเทศ เป็นกลุ่มแรงงานที่ กสร.ต้องเข้ามาดูแลโดยด่วน

นิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

กระทรวงแรงงาน ภายใต้การนำของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ กสร.ดำเนินนโยบายการทำงานเน้นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กรอบแนวคิด “คนสำราญ งานสัมฤทธิ์ผล ประชาชนพึงพอใจ” เน้นย้ำการทำงานเชิงรุก 3 ด้าน ได้แก่

1) สานงานต่อ โครงการที่ทำแล้วมีผลกระทบเชิงบวกต่อองค์กรและประชาชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กรและยกระดับการให้บริการของหน่วยงานสู่ความเป็นเลิศ พร้อมเร่งรัดการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมและทั่วถึง

2) ก่องานเพิ่ม โดยเน้นที่นโยบายเร่งด่วนด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อมุ่งสู่ tier 1 โดยพุ่งเป้าการตรวจสถานประกอบกิจการที่เสี่ยงต่อการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ แรงงานขัดหนี้ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน

เพื่อคุ้มครองแรงงานไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิด้านแรงงานในกิจการประเภทต่าง ๆ พร้อมส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดการละเมิดสิทธิแรงงาน นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) ไปใช้ในการบริหารจัดการแรงงาน

นอกจากนั้น กสร.จะดูแลแรงงานทั้งในและนอกระบบให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย มีการดำเนินมาตรการเชิงรุกด้านความปลอดภัยในการทำงาน (Safely & Healthy Thailand) เพื่อให้อัตราการประสบอันตรายจากการทำงานลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

พร้อมส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกในภาวะวิกฤตด้วยระบบทวิภาคี ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการเข้าสู่ระบบมาตรฐานแรงงานไทย (TLS) ตลอดจนปรับปรุงพัฒนากฎหมายให้มีความเหมาะสมกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นระบบ big data เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปีงบประมาณ 2565 นี้ กสร.จะพัฒนาขีดความสามารถการทำงานของบุคลากร องค์กร ตลอดจนการบริหารจัดการและการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3) เติมงานใหม่ มุ่งเน้นขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เช่น โครงการ Factory Sandbox การส่งเสริมระบบแรงงานสัมพันธ์ของสหภาพแรงงาน การพัฒนาเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.) ให้มีความเข้มแข็ง การเทียบเคียงมาตรฐานแรงงานไทยกับมาตรฐานอื่น ๆ เช่น ISO 45001 ระบบมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เป็นต้น เช่นเดียวกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ที่เทียบเคียงคุณวุฒิการศึกษากับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ

พร้อมกันนี้กรมจะมุ่งพัฒนาการให้บริการการอนุมัติ การอนุญาต เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองแรงงานด้วยระบบภูมิสารสนเทศ (geo-informatics) และพัฒนาระบบการตรวจแรงงานในรูปแบบการรับรองตนเอง (self-declaration) เพื่ออำนวยความสะดวกให้สถานประกอบกิจการลดต้นทุนหรือเวลาในการดำเนินงาน และพัฒนาไปสู่การตรวจสอบโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต

“กสร.ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน พร้อมขับเคลื่อนนโยบายการกำกับดูแลให้แรงงานทั้งในและนอกระบบให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย รวมทั้งพัฒนามาตรฐานแรงงานไทยเทียบเท่าสากลพร้อมยกระดับการให้บริการประชาชนด้วยความสะดวก รวดเร็ว ทั่วถึงและยั่งยืนต่อไป” อธิบดี กสร.กล่าวในตอนท้าย