กระทรวงแรงงานร่วม ILO ประเมินการใช้แรงงานในธุรกิจอาหารทะเล ตามหลัก GLP

กระทรวงแรงงาน จับมือ ILO พัฒนา GLP ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทยมีแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี สร้างความเชื่อมั่นตลาดส่งออกสินค้าประมง

วันที่ 16 มิถุนายน 2565 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดตัวรายงานการประเมินโครงการแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดีในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย และเป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับชาติโครงการสิทธิจากเรือสู่ฝั่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 (Ship to Shore Rights Programme South East Asia)

โดยมีนายจูเซปเป บูซินี รองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย นางปนัดดา บุญผลา รองผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก นางอรรถพันธ์ มาศรังสรรค์ ที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย ดร.พงษ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี รองเลขาธิการฝ่ายวิชาการ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ

นายบุญชอบกล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) หรือไอแอลโอ และสหภาพยุโรปที่ได้ให้การสนับสนุนการประเมินผลการดำเนินการโครงการแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดีในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย (Good Labour Practices : GLP) โดยกระทรวงแรงงานได้ร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาและส่งเสริม GLP ในกิจการประเภทต่าง ๆ รวม 4 ฉบับ ได้แก่ กิจการทั่วไป กิจการสัตว์ปีก กิจการฟาร์มเพาะกุ้ง และอุตสาหกรรมอาหารทะเล

โดย GLP สำหรับอุตสาหกรรมในอาหารทะเลได้รับการสนับสนุนจาก ILO ภายใต้โครงการ Ship to Shore Rights และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคธุรกิจ นำโดยสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย

ซึ่งสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ได้นำมาใช้แต่ปี 2561 เป็นเวลา 4 ปี แล้ว ตอนนี้นับเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะมีการประเมิน เพื่อพัฒนาและต่อยอดการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

นายบุญชอบกล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลเป็นเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย แรงงานในภาคอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลถือเป็นกลุ่มแรงงานที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานของประเทศและของโลก

“กระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน รวมถึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบต่อสังคม โดยการกำหนดมาตรการที่เข้มข้นและจริงจัง ในการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก การใช้แรงงานบังคับ การเลือกปฏิบัติและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งเป็นการขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในระดับภูมิภาค และระดับสากล”

การประเมินผลการดำเนินการ GLP ในครั้งนี้ จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยยกระดับการนำไปใช้ของ GLP ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ให้มีความเข้มแข็ง โปร่งใสและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มความสามารถ
เพื่อเกื้อหนุนธุรกิจและคุ้มครองแรงงาน รวมถึงการริเริ่มโครงการเพื่อรักษาการจ้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการคุ้มครองแรงงานประมงและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล กระทรวงแรงงานได้มีความพยายามในการให้ความคุ้มครองแรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการทำงานจากโควิด-19

โดยการผ่อนผันให้ผู้ที่วีซ่าหรือใบอนุญาตทำงานหมดอายุ สามารถพำนักอาศัย และทำงานในประเทศไทยต่อไปได้อย่างถูกกฎหมาย รวมถึงมีการตรวจเชิงลึก และค้นหาแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสารในสถานประกอบกิจการ เพื่อให้แรงงานได้รับการจดทะเบียน มีเอกสารประจำตัว และสามารถทำงานได้

ซึ่งจะช่วยให้แรงงานดังกล่าวได้รับความคุ้มครองอย่างครบถ้วน และเป็นการช่วยรักษากำลังแรงงานให้กับนายจ้างได้อีกทางหนึ่ง ในขณะนี้ ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงของการฟื้นฟูภายหลังโควิด-19 ซึ่งกระทรวงแรงงานขอยืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อ Build Back Better โลกแห่งการทำงานที่เข้มแข็ง ยืดหยุ่น และยั่งยืนมากกว่าเดิม ตามแนวทางของงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะในภาคประมงและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล

“กระทรวงแรงงานขอขอบคุณสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยที่ได้นำหลักการ GLP ไปปรับใช้และพัฒนาปรับปรุงการดำเนินการ เพื่อยกระดับความคุ้มครองแรงงานในภาคอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างให้ผู้ประกอบการไทย มีความพร้อมในการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดการส่งออกอาหารทะเลที่สำคัญ อาทิ ในภูมิภาคยุโรป และอเมริกาที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย”