นักกอล์ฟเลือดใหม่ผงาดในโลกที่หมุนเร็วกว่าเดิม

เรื่องเซอร์ไพรส์ไม่เคยขาดหายไปจากวงการกีฬา และแน่นอนว่ามันคืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้แต่ละการแข่งมีฐานแฟนติดตามเพิ่ม ขึ้นทุกปี สำหรับกอล์ฟก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน โดยต้นเดือนสิงหาคม วงการกอล์ฟได้แชมป์เมเจอร์หน้าใหม่ วัยแค่ 24 ปีเท่านั้น

แชมป์ระดับเมเจอร์ที่ถูกยกให้เป็นรายการสูงสุดของการแข่งกอล์ฟชายระดับอาชีพ มี 4 รายการ รายการสุดท้ายของปีที่สหรัฐอเมริกา คือ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ แชมป์ตกเป็นของ จัสติน โธมัส นักกอล์ฟหนุ่มจากเคนทักกี ที่เพิ่งคว้าแชมป์อาชีพ 4 รายการ

โธมัส เป็นนักกอล์ฟสมัยใหม่ตามแบบฉบับคนหนุ่มไฟแรง กล้าได้กล้าเสีย ใส่เต็มที่แบบไม่มีคำว่าทางสายกลาง ซึ่งนักกีฬาจำนวนไม่น้อยที่เป็นแบบนี้มักลงเอยด้วยผลการแข่งที่อาจเสี่ยงไป ตามรูปเกม ก่อนหน้านี้ โธมัสก็เคยเจอมาก่อนด้วย

2 เดือนก่อน โธมัสลงหวดในเมเจอร์ที่ 3 ของปีในศึกยูเอส โอเพ่น ซึ่งเจ้าหนุ่มทำสกอร์ต่ำเป็นสถิติในรอบ 3 ที่สกอร์ 63 แต่จบวันสุดท้ายด้วยอันดับ 9 ร่วม แต่สำหรับเมเจอร์ต่อมา เจ้าหนุ่มสามารถสลัดกลุ่ม 5 ผู้นำร่วมในช่วง 9 หลุมสุดท้ายของรายการได้ หลุมที่ 10 คือจุดเปลี่ยนสำหรับชีวิตในอาชีพนักกอล์ฟของโธมัส

หนุ่มเคนทักกีพัตต์ระยะ 8 ฟุต แล้วลูกไปค้างอยู่บนขอบหลุม ค้างไว้ประมาณ 12 วินาที ไม่มีใครคาดคิดว่าชอตนี้จะเป็นชอตเบอร์ดี้ได้ เหตุการณ์เซอร์ไพรส์ดันเกิดขึ้นเมื่อลูกที่ค้างบนขอบดันกลิ้งลงหลุมเฉย เบอร์ดี้หลุมนี้เป็นเบอร์ดี้สำคัญต่อเกม และยังเป็นชอตที่อาจสะท้อนสภาพอาชีพนักกอล์ฟดาวรุ่งของโธมัสได้อีกเช่นกัน

โธมัส เป็นนักกอล์ฟหนุ่มที่ถูกจับตาตั้งแต่อายุแค่ 16 ปีจากที่ผ่านตัดตัวรายการพีจีเอ ทัวร์ เขามาจากครอบครัวนักกอล์ฟ พ่อและปู่เป็นโค้ชกอล์ฟ ถึงสรีระจะไม่ใหญ่โตแต่ทักษะและผลงานบ่งบอกได้อย่างดีว่าโธมัส สามารถแข่งขันชิงชัยกับนักกอล์ฟระดับโลกได้ไม่แพ้ยอดฝีมือแถวหน้าของโลก

แต่เรื่องราวมีจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างแรกคือ โธมัส ถูก จอร์แดน สปีธ นักกอล์ฟดาวเด่นที่สุดของวงการจากความสำเร็จในรายการเมเจอร์ตลอด 2 ปีหลังกลบรัศมีแม้จะถูกจับตาตั้งแต่เป็นเยาวชน ขณะที่จอร์แดนประสบความสำเร็จ โธมัสยังเพิ่งคว้าแชมป์พีจีเอ ทัวร์ รายการแรกของตัวเองได้ไม่นาน และยังเป็นดาวรุ่งที่หงุดหงิดง่าย

การลงเล่นเมเจอร์สุดท้ายของปี 2017 จัสตินเล่นได้นิ่งมากขึ้น เล่นในสไตล์ของตัวเองอย่างเต็มที่ก็จริง แต่ไม่ใช่ลักษณะเร่งหรือฝืน ซึ่งมักทำให้เกิดผลเสียมากกว่า หนุ่มวัย 24 เล่นเป็นธรรมชาติแบบไม่กดดันตัวเอง

จัสติน โธมัส ไม่อายที่จะบอกว่า อิจฉาความสำเร็จของ จอร์แดน สปีธ เพื่อนในวงการที่เขานิยามความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมวงการว่าเป็นเพื่อน ที่เจ๋งคนหนึ่ง โธมัสอธิบายความซับซ้อนระหว่างความสัมพันธ์กับแรงผลักดันให้พยายามประสบความ สำเร็จระดับสูงว่า เขาเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกอิจฉา ใครก็ตามที่ได้แชมป์ จะต้องมีคนอิจฉาเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างต้องการขึ้นไปชื่นชมความสำเร็จ

ถ้าไม่สามารถประสบความ สำเร็จได้ อย่างน้อยก็สามารถร่วมชื่นชมยินดีกับความสำเร็จร่วมกับเพื่อน ๆ ได้ การเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ คือแรงขับเคลื่อนอย่างหนึ่งที่ทำให้กระหายความก้าวหน้ามากขึ้น ปีนี้ สปีธ คว้าแชมป์ดิ โอเพ่น เมเจอร์ที่ 3 ของปี โดยรายการเดียวกันนี้ โธมัสไม่ผ่านตัดตัว

เมื่อต่อภาพสองรายการเมเจอร์ทาบเข้าด้วยกัน จะเห็นสถิติผู้เล่นอายุต่ำกว่า 25 ปี ได้แชมป์เมเจอร์ 2 รายการติดต่อกัน ในปีเดียว สถิตินี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1923 นอกเหนือจากเพื่อนร่วมรุ่นที่ชื่นชมความสำเร็จของคนในกลุ่ม แม้แต่ ไทเกอร์ วูดส์ ยังชื่นชมความสำเร็จของคนหนุ่ม

เมื่อ 3 จาก 4 แชมป์รายการเมเจอร์ ไปอยู่ในมือของนักกอล์ฟอายุต่ำกว่า 30 ปี กอล์ฟอเมริกันกำลังบอกให้โลกรู้ว่า ยุคสมัยแห่งพลังหนุ่มในแวดวงกอล์ฟกำลังมาแล้ว ถ้าไปดูดาวรุ่งฝั่งยุโรป หลายคนยังวนเวียนกับช่วงเร่งฟอร์มและพัฒนาตัวเองกลับมาสู่การแข่งระดับท็อป

อัตราการเติบโตหรือดิ่งลงของนักกอล์ฟเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในยุคสมัยใหม่ ในกลุ่มผู้มีโอกาสสัมผัสแชมป์ มีชื่อ ฮิเดกิ มัตสึยาม่า นักกอล์ฟญี่ปุ่นวัย 25 ปีด้วย ถ้าเทียบวิวัฒนาการให้เห็นภาพง่ายขึ้น น่าจะใกล้เคียงกับปรากฏการณ์ในยุคเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิต เยาวชนวัย 18 สามารถมีทักษะหรือศักยภาพด้านใดด้านหนึ่ง ใกล้เคียงกับคนอีกรุ่นที่เคยทำได้เมื่อตอนใกล้วัยย่างเข้าเลข 3

คนรุ่นใหม่มีทัศนคติเรื่องคู่แข่งที่น่าสนใจ ยิ่งช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวก พวกเขาลงแข่งด้วยความสนุกสนานมากกว่าชิงชัยแบบเอาเป็นเอาตาย และไม่ได้แข่งขันแบบมองหน้ากันไม่ติด คนหนุ่มซ้อมด้วยกันได้ แข่งร่วมกัน เป็นยุคที่ก้าวไปด้วยกันต่างหาก