การเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ หลังจากที่ตำแหน่งดังกล่าวถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ จึงเป็นคำถามว่า ทำไมถึงมีตำแหน่งนี้อีกครั้ง โดยเฉพาะการที่หลายฝ่ายตั้งประเด็นถึงในช่วงเวลาที่เป็นวิกฤตของ “ฟุตบอลไทย”
นวลพรรณ ล่ำซำ เปิดใจเป็นครั้งแรกภายหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ว่า ถือเป็นการได้รับเกียรติและศักดิ์ศรีสูงสุดในการได้รับความไว้วางใจ ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อราว 15 ปีก่อน ในวัย 43 ปี กับการเริ่มต้นทำทีมฟุตบอลหญิง จนสามารถไปฟุตบอลโลกได้ในปี 2558 เป็นครั้งแรก
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
มาดามแป้งเล่าให้ฟังว่า กรณีที่มีคนกล่าวถึงการเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ เป็นการเข้ามากู้วิกฤตศรัทธาให้ฟุตบอลไทย ซึ่งอยากอธิบายให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า “ไม่ใช่” เพราะสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยก่อตั้งมาแล้ว 105 ปี โดยกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬารวมใจของคนทั้งชาติ โดยไทยได้เข้าร่วมกับฟีฟ่า เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย และเป็นอันดับที่ 37 ของโลกในปี 2468 ซึ่งโกอินเตอร์มานานแล้ว
“วิกฤตที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลไทยในวันนี้ มีหลายวิกฤตด้วยกัน ทั้งปัญหาการเงิน และอันดับลดลง 20 อันดับ แน่นอนว่าเกิดอาการใจหายกับอันดับที่ลดลงไป ซึ่งแป้งคนเดียวไม่สามารถที่จะเข้ามากู้วิกฤตได้แน่นอน เพราะฟุตบอลไทยเป็นของคนทั้งชาติ โดยแป้งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องจดจำ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ฟุตบอลไทยกลับมาผงาดได้อีกครั้ง”
การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ มาดามแป้งยืนยันว่า จะไม่มีการเมืองและการแทรกแซงการทำงานของผู้ฝึกสอน (โค้ช) แต่จะเอาประสบการณ์ในการคุมทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยมาปรับใช้ในครั้งนี้ ด้วยการประสานงาน, อำนวยความสะดวก และสนับสนุนด้านจิตใจกำลังใจ
ความพร้อมในการเข้ารับตำแหน่ง มาดามแป้งมาพร้อมกับจิตใจที่รักและศรัทธาในฟุตบอลอย่างแท้จริง รวมถึงความทุ่มเทและคลั่งใคล้ในฟุตบอล แม้ว่าวันนี้ตำแหน่งดังกล่าวจะดูเหมือนเผือกร้อนที่ไม่มีใครอยากรับ อีกทั้งความกดดันด้านเวลาที่กระชั้นชิดในการที่จะเริ่มต้นการแข่งขันนัดแรกของทีมฟุตบอลชายชุดอายุไม่เกิน 23 ปี (U-23) ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือนนับจากนี้
เหล่านั้นเป็นแรงผลักดันที่มาดามแป้งจะเข้ามาเป็นผู้ประสาน 10 ทิศกับสโมสรฟุตบอลไทยต่าง ๆ ที่จะขอความร่วมมือในการขอนักกีฬาที่ดีที่สุดมาร่วมทีมชาติไทย นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของการประสานภาคธุรกิจต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวกการเดินทางและชีวิตความเป็นอยู่ของทีมชาติไทย
“มาดามแป้ง” ส่งสารถึงแฟนบอลไทย
1.แป้งไม่ได้มีเจตนาเข้ามาเล่นการเมือง ขอยืนยันว่า จะไม่มีการเมืองแอบแฝงอยู่ แม้ว่าส่วนตัวเองจะเป็นประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือก็ตาม แต่ด้านการบริหารจะมีความโปร่งใสและเป็นธรรมอย่างแน่นอน
2.แป้งไม่ได้เองกลุ่มทุนหรือธุรกิจใดในการเข้ารับตำแหน่งนี้ เพราะเชื่อว่ากลุ่มทุนที่เป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทยอยู่แล้ว หรือผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมสนับสนุนทีมชาติ แป้งมีความเชื่อว่าใครก็ได้สามารถเข้ามาร่วมกับสมาคมฟุตบอลไทยอย่างแน่นอน เพราะเป็นพื้นที่ของทุกคนและยินดีต้อนรับทุกกลุ่ม
3.แป้งจะไม่แทรกแซงการทำงานของโค้ชผู้ฝึกสอนอย่างแน่นอน เพราะหน้าที่ของผู้จัดการทีมยังมีอีกมากมายในการทำทีมฟุตบอลไทย อาทิ การทำหน้าที่บำรุงขวัญกำลังใจของทีม เป็นต้น
ส่วนประเด็นการเลือกผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยยืนยันว่า จะโปร่งใสอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่า ผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 23 ปี (U-23) จะต้องเป็นผู้ฝึกสอนชาวไทยอย่างแน่นอน ส่วนผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้นยังไม่ได้ตัดสินใจในวันนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นโค้ชที่มีโปรไลเซนส์