กอนช. เล็งใช้กลไกจังหวัด ประเมินพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก 3 วันล่วงหน้า

กอนช. ประเมินพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก 3 วันล่วงหน้า พบ 5 จังหวัดเสี่ยงท่วม เล็งใช้กลไกคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือ-แจ้งเตือนถึงประชาชน ย้ำกรมชลฯ-กฟผ.บริหารจัดการน้ำเขื่อนใหญ่ที่น้ำสูงเกินเกณฑ์ ป้องกระทบท้ายน้ำ ประสาน กทม.พร่องน้ำ ย้ำห่วงแหล่งน้ำขนาดเล็กประสานหน่วยงานเร่งสำรวจปริมาณน้ำความมั่นคงแข็งแรงให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

วันที่ 16 สิงหาคม 2565 นายบุญสม ชลพิทักษ์วงศ์ โฆษกสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ของคณะประเมินสถานการณ์น้ำ ภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)

โดยมี นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. ในฐานะรองผู้อำนวยการ กอนช. เป็นประธานว่า กอนช.ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)

พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักสะสมในช่วง 3 วันนี้ (16-18 ส.ค. 65) จำนวน 5 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคเหนือ ได้แก่ จ.ตาก (อ.แม่สอด) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย และ อ.ขุนยวม) ภาคตะวันตก ได้แก่ จ.กาญจนบุรี (อ.ทองผาภูมิ)

ภาคตะวันออก ได้แก่ จ.จันทบุรี (อ.มะขาม) และภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร โดยพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน จ.พะเยา และ จ.เชียงราย รวมทั้งยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำโขงที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ และ จ.นครพนม

กอนช.จะพิจารณาแนวทางการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ฝน 3 วันล่วงหน้าลงถึงระดับจังหวัดผ่านคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องได้วางแผนรับมือได้ทันสถานการณ์รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนรับทราบล่วงหน้าด้วย

รวมทั้งได้เน้นย้ำให้กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริหารจัดการน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่จำนวน 10 แห่ง ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์กักเก็บน้ำสูงสุด (URC) แล้ว ได้แก่ อ่างแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ อ่างกิ่วลม และ อ่างกิ่วคอหมา จ.ลำปาง อ่างแควน้อย จ.พิษณุโลก บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ อ่างอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น อ่างน้ำพุง จ.สกลนคร อ่างป่าสักชลสิทธิ์ จ.สระบุรี อ่างบางพระ จ.ชลบุรี และอ่างหนองปลาไหล จ.ระยอง โดยเน้นย้ำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำให้น้อยที่สุด รวมทั้งให้บริหารจัดการน้ำร่วมกับสถานการณ์น้ำในลำน้ำและแม่น้ำด้วย เนื่องจากฝนที่ตกสะสมทำให้ดินอุ้มน้ำไว้นานอาจส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้

นอกจากนี้ ได้ให้เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตามเแนวร่องฝนและที่มีแนวโน้มจะมีพายุเข้าในช่วงเดือนกันยายนต่อเนื่องเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งพายุดังกล่าวจะเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าง และภาคกลางตอนบน โดยคาดว่าจะส่งผลต่อปริมาณน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน สทนช. ได้ประสานให้กรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำ เร่งสำรวจสถานการณ์น้ำของแหล่งน้ำขนาดเล็ก รวมถึงความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนทั้งในส่วนที่อยู่ในความดูแลและที่ถ่ายโอนไปแล้ว รายงานกลับมายัง สทนช.ภายในวันศุกร์นี้ (19 ส.ค. 65) เพื่อติดตามและวางแผนบริหารจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม ป้องกันกรณีน้ำล้นหรือเขื่อนชำรุดเสียหายได้ล่วงหน้าด้วย