กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อกรม ปลอมเอกสาร พร้อมดำเนินคดีถึงที่สุด หลังได้หลอกลวงประชาชน
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้แต่งตั้งคณะทำงานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกรมพัฒนาธุรกิจการค้าขึ้น เพื่อให้ข้อแนะนำและช่วยเหลือในการดำเนินคดีกับ ผู้แอบอ้างดังกล่าว ที่ผ่านมาคณะทำงานได้รับเบาะแสจากประชาชนที่แจ้งเข้ามาผ่านช่องทางสื่อสารของกรมอย่างต่อเนื่อง และมอบหลักฐานสำคัญ 2 กรณี และนำไปสู่การดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ทั้งนี้ กรมได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วในท้องที่ ฐานปลอมเอกสาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานปลอมเอกสารราชการ จำคุก 6 เดือน-5 ปี ปรับ 1,000-10,000 บาท รวมถึงมีการนำเอกสารดังกล่าวไปหาประโยชน์และสร้างความเสียหายแก่ประชาชนทำให้ความผิดนี้ มีอายุความ 10 ปี
“จากความเสียหาย กรมได้ส่งเรื่องจากผู้เสียหายที่มีหลักฐานครบถ้วนถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวกับกรมให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด”
ทั้งนี้ ขอเตือนภัยไปยังประชาชนและธุรกิจให้ใช้ความระมัดระวัง ไม่ประมาทหลงเชื่อคำเชิญชวนต่าง ๆ หากพลาดพลั้งไปแล้วขอให้นำหลักฐานไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อช่วยกันหยุดการกระทำของมิจฉาชีพไม่ให้สร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ และเมื่อจะทำธุรกรรมใดขอให้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ ซึ่งกรมมีบริการตรวจค้นข้อมูลนิติบุคคลผ่านระบบ DataWarehouse+ เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ และการออกประกาศใด ๆ ของกรมก็สามารถเข้าดูได้ที่ www.dbd.go.th อย่างไรก็ดี หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการของกรม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วน 1570
โดยหลักฐานสำคัญ อาทิ หมายเลขโทรศัพท์ ภาพการสนทนาผ่านทางระบบ Line กับมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญต่อการแจ้งความดำเนินคดี โดยแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
1) แอบอ้างชื่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปสร้างบัญชี Line และอ้างชื่อเจ้าหน้าที่กรมเพื่อใช้ติดต่อนิติบุคคลให้ยืนยันข้อมูลหรือกรอกข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน หากหลงเชื่อทำตามก็จะถูกเชื่อมโยงข้อมูลส่วนตัวกับแอพพลิเคชั่นทางการเงินที่ติดตั้งในโทรศัพท์ และดูดเงินออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งกรมและเจ้าหน้าที่ที่ถูกแอบอ้างชื่อได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว
โดยความผิดเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสร้างความเสียหายต่อประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) การปลอมหนังสือรับรองนิติบุคคล หรือใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเพื่อเอามาใช้หลอกประชาชนให้เชื่อว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขึ้นจริง สร้างความมั่นใจจนหลงเชื่อยินยอมทำตามที่มิจฉาชีพบอกหรือเข้าร่วมในธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการปลอมประกาศกรม โดยมีเนื้อหาให้นิติบุคคลยืนยันข้อมูลทางแอปพลิเคชั่น MOC ของกระทรวงพาณิชย์ และระบบ e-Registration ของกรม ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นความจริง