จุดความร้อนไทยวานนี้ ลดลงเหลือ 1,277 จุด PM 2.5 ภาคเหนือยังวิกฤต

ไฟป่า ไฟไหม้ ป่า จุดความร้อน มลพิษ
Photo by Joanne Francis on Unsplash

จุดความร้อนไทยวานนี้ลดลงกว่าครึ่ง เหลือเพียง 1,277 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 728 จุด ขณะที่ PM 2.5 ภาคเหนือยังวิกฤต เชียงราย-แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นมากกว่า 200 ไมโครกรัม

วันที่ 9 เมษายน 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยว่า ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 8 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 1,277 จุด โดยมีเพื่อนบ้านอย่างพม่านำอยู่ที่ 8,226 จุด , สปป.ลาว 2,758 จุด , กัมพูชา 424 จุด, เวียดนาม 336 จุด, และมาเลเซีย 32 จุด

สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุดถึง 728 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 375 จุด, พื้นที่เกษตร 76 จุด, พื้นที่เขต สปก. 50 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 44 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด

ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เช้าวันนี้ก็ทางภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วงมากเช่นเคย เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 09:00 น. ที่ผ่านมาพบหลายจังหวัดมีค่า PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับสีแดงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่จังหวัด เชียงราย พุ่งถึง 248 ไมโครกรัม ตามด้วย แม่ฮ่องสอน 248 ไมโครกรัม เชียงใหม่ 239 ไมโครกรัม

ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานครพบค่าคุณภาพอากาศของทุกเขตอยู่ในระดับดี

Advertisment

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

Advertisment

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น”