ยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจ ก.พ. 61 เพิ่มขึ้น 11% เกือบ 7,000 ราย พาณิชย์มั่นใจเศรษฐกิจไทยดี

ยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจ ก.พ. 61 เพิ่มขึ้น 11% เกือบ 7,000 ราย พาณิชย์มั่นใจเศรษฐกิจไทยดี ท่องเที่ยว-ส่งออก-ลงทุนเติบโต คาดทั้งปี’60 ยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจ 75,000 ราย

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจัดตั้งใหม่ทั้งประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีจำนวน 6,356 ราย ลดลง 609 ราย คิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2561 ซึ่งมีจำนวน 6,965 ราย แต่เพิ่มขึ้น 605 ราย คิดเป็น 11% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งมีจำนวน 5,751 ราย ขณะที่มูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เท่ากับ 17,636 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2561 จำนวน 17,940 ล้านบาท ลดลงจำนวน 304 ล้านบาท คิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 26,989 ล้านบาท ลดลงจำนวน 9,353 ล้านบาท คิดเป็น 35%

ทั้งนี้ ประเภทธุรกิจที่มีการประกอบธุรกิจใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 613 ราย คิดเป็น 10% รองลงมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 349 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจการขนส่งสินค้า รวมถึงคนโดยสาร 166 ราย คิดเป็น 3%

ขณะที่การจดทะเบียนธุรกิจ 2เดือนแรก (มกราคม -กุมภาพันธ์) 2561 มีจำนวน 13,321 ราย เพิ่มขึ้น 1,291 ราย คิดเป็น 11% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันจากปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 12,030 ราย โดยทุนการจดทะเบียนธุรกิจ เดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ 2561 มีจำนวน 35,576 ล้านบาท ลดลง 7,905 ล้านบาท คิดเป็น 18% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 43,481 ล้านบาท

ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิก มีจำนวน 810 ราย ลดลง 540 ราย คิดเป็น 40% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2561 ซึ่งมีจำนวน 1,350 ราย และเพิ่มขึ้น 153 ราย คิดเป็น 23% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งมีจำนวน 657 ราย ขณะที่ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 88 ราย คิดเป็น 11% รองลงมาคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 62 ราย คิดเป็น 8% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 27 ราย คิดเป็น 3%

สำหรับเป้าหมายการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2561 ประมาณการณ์ไว้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 75,000 ราย ภายใต้ปัจจัยการขยายตัวต่อเนื่องทางเศรษฐกิจในปี 2561 อยู่ที่ 3.6-4.6% และประเภทธุรกิจที่มีการจัดตั้งสูงน่าจะยังคงอยู่ในกลุ่มก่อสร้างอาคารทั่วไปและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวดีเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยว จีน มาเลเซีย รัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยมากที่สุด การส่งออกยังเติบโตไปตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะการส่งออกยานยนต์และส่วนประกอบ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภันฑ์ยางพารา และมันสำปะหลัง ขณะที่ภาคเอกชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อภาคการผลิต การลงทุน ประกอบกับภาครัฐมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่สำคัยภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนในปี 2559-2560 และเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างในปี 2561 ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและภาคเอกชน