ครึ่งปีแรก 2566 ต่างชาติลงทุนในไทย 48,927 ล้านบาท ญี่ปุ่น ยังครองที่ 1

ส่งออก การส่งออก
Photo by Andy Li on Unsplash

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย ครึ่งปีแรก 2566 ต่างชาติลงทุนในไทย 48,927 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 17,527 ล้านบาท ตามด้วยจีน 11,505 ล้านบาท และสิงคโปร์ 6,916 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,222 คน

วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2566 (มกราคม-มิถุนายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 326 ราย

เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 102 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 224 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 48,927 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,222 คน

ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 74 ราย (ร้อยละ 23) เงินลงทุน 17,527 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 59 ราย (ร้อยละ 18) เงินลงทุน 2,913 ล้านบาท สิงคโปร์ 53 ราย (ร้อยละ 16) เงินลงทุน 6,916 ล้านบาท จีน 24 ราย (ร้อยละ 7) เงินลงทุน 11,505 ล้านบาท และสมาพันธรัฐสวิส 14 ราย (ร้อยละ 4) เงินลงทุน 1,857 ล้านบาท

โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการอัดฉีดซีเมนต์ในหลุมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม

Advertisment

องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการขุดสถานีใต้ดิน องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม และองค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาในการใช้งานยางล้ออากาศยาน เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่าการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 42 ราย (ร้อยละ 15) (เดือน ม.ค.-มิ.ย. 66 อนุญาต 326 ราย/เดือน ม.ค.-มิ.ย. 65 อนุญาต 284 ราย) มูลค่าการลงทุนลดลง 21,022 ล้านบาท (ร้อยละ 30) (เดือน ม.ค.-มิ.ย. 66 ลงทุน 48,927 ล้านบาท/เดือน ม.ค.-มิ.ย. 65 ลงทุน 69,949 ล้านบาท)

และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 49 ราย (ร้อยละ 1) (เดือน ม.ค.-มิ.ย. 66 จ้างงาน 3,222 คน/เดือน ม.ค.-มิ.ย. 65 จ้างงาน 3,173 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565

ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิ

Advertisment
  • บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
  • บริการบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะปิโตรเลียมบนชายฝั่ง
  • บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ปรับปรุง พัฒนา ทดลองระบบ เชื่อมระบบ และการเปิดใช้งาน ตลอดจนการบริหารจัดการสำหรับโครงการรถไฟฟ้า
  • บริการก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบเกี่ยวกับการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ/สถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก
  • บริการออกแบบ จัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษา เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และสำหรับที่ใช้ในสถานพยาบาล
  • บริการซอฟต์แวร์ ประเภท ENTERPRISE SOFTWARE และ DIGITAL CONTENT
  • บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งให้บริการแก่กิจการของวิสาหกิจในเครือในต่างประเทศ

ลงทุน EEC

การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 61 ราย คิดเป็นร้อยละ 19 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 10,771 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศดังนี้

  • ญี่ปุ่น 26 ราย ลงทุน 4,344 ล้านบาท
  • จีน 9 ราย ลงทุน 752 ล้านบาท
  • เกาหลีใต้ 5 ราย ลงทุน 286 ล้านบาท
  • ประเทศอื่น ๆ อีก 21 ราย ลงทุน 5,388 ล้านบาท

โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1) บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิต
ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ 2) บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ 3) บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม 4) บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ และ 5) การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ

เฉพาะเดือนมิถุนายน 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 52 ราย เป็นการลงทุนผ่านการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 15 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 37 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,535 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 223 คน ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการอัดฉีดซีเมนต์ในหลุมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการขุดสถานีใต้ดิน และองค์ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่

  • บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
  • บริการบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะปิโตรเลียมบนชายฝั่ง
  • บริการทางวิศวกรรม โดยการให้คำปรึกษาแนะนำ วางแผน ตรวจสอบ บริหารจัดการงานออกแบบ และงานโยธาก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน
  • บริการรับจ้างออกแบบผลิตภัณฑ์ Filter
  • บริการกิจการซอฟต์แวร์ ประเภท ENTERPRISE SOFTWARE และ DIGITAL CONTENT
  • บริการทางวิศวกรรมและทางเทคนิค เช่น การออกแบบและการวางระบบ การวางแผนการติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงการติดตั้ง การบำรุงรักษาและซ่อมแซม ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม พลังงาน และระบบความปลอดภัย เป็นต้น