ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม มิ.ย. 66 ร่วง 5.24% ฉุดกำลังผลิตร่วงตามอยู่ที่ 59.12%

มอเตอร์ไซค์

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ชี้เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว กดดันดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน มิ.ย. 2566 อยู่ที่ระดับ 92.53 ลดลง 5.24% อัตราการใช้กำลังการผลิตร่วงตามอยู่ที่ 59.12% ฉุดทั้งอุตสาหกรรมครึ่งปีแรกหดตัว 4.6% จับตาอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ขยายตัวพุ่ง หลังความต้องการทั้งในและต่างประเทศโตต่อเนื่อง

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 92.53 ลดลง 5.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 59.12% ด้าน MPI ไตรมาส 2 ปี 2556 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90.14 ลดลง 5.59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยสำคัญจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ยังคงชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ยังคงอ่อนแอ รวมถึงรายได้เกษตรกรในเดือนมิถุนายน 2566 ลดลง 5.99% หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สะท้อนกำลังซื้อจากภาคเกษตรที่ยังคงเปราะบาง

วรวรรณ ชิตอรุณ
วรวรรณ ชิตอรุณ

อย่างไรก็ดี การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวยังคงทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เครื่องปรุงรส เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สุรา กาแฟ

สำหรับดัชนี MPI 6 เดือนแรก ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 95.73 ลดลง 4.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตราการใช้กำลังการผลิต 6 เดือนแรกปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 60.72% อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.23% จากการผลิตรถยนต์นั่งเป็นหลัก รวมทั้งตลาดส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

Advertisment

น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11.76% เนื่องจากปีนี้มีปริมาณอ้อยเข้าหีบมากกว่าปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.88% เป็นผลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ น้ำมันปาล์ม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 18.61% เนื่องจากความต้องการใช้ที่มากขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจักรยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.96% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

“สำหรับประเด็นที่น่าติดตามในช่วงนี้ คือ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่สำคัญของโลก การส่งออกรถจักรยานยนต์ของไทย เป็นอันดับ 4 ของโลก มีมูลค่าการส่งออก 2,974 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดส่งออกหลัก 5 อันดับแรก คือ เบลเยียม จีน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ได้แก่ ตลาดในประเทศมีขนาดใหญ่ มีกําลังซื้ออย่างต่อเนื่อง นโยบายการส่งเสริมการลงทุน โดยให้การส่งเสริมการลงทุนประเภทกิจการรถจักรยานยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบมากกว่า 248 ซีซี ของบริษัทรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ของต่างชาติที่เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย

นอกจากนี้ ประเทศไทยมี Supply Chain ตลอดห่วงโซ่ และแรงงานในประเทศที่มีทักษะฝีมือในด้านการผลิต และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มีการคาดการณ์ ในปี 2566 ว่าจะมีการผลิตรถจักรยานยนต์ 2,100,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,750,000 คัน และผลิตเพื่อการส่งออก 350,000 คัน”

Advertisment

จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนมิถุนายน 2566 คือ ยานยนต์ พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น จักรยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม น้ำตาล