“MOU” ชาวสวน-โรงสกัด-ลานเท เพิ่ม”ปาล์ม”คุณภาพน้ำมัน18%

หนุน “สุราษฎร์ฯ” โมเดลผลิตปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง 18% ด้านโรงสกัดชี้จุดอ่อนไม่มี “เครื่องวัดเปอร์เซ็นต์น้ำมัน” ต้องซื้อคละ ด้านอคส.ยังไม่สตาร์ตโครงการรับซื้อผลปาล์ม ราคาร่วงกก.ละ 3.80-3.90 บาท ชี้ยังหาราคากลางที่เหมาะสมไม่ได้

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างเกษตรกร ลานเท และโรงงานสกัดในพื้นที่ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม โดยขอให้โรงสกัดรับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ภายใน 30 วันนับจากที่ได้ลงนามกัน เพื่อให้ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้นแบบในการเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันจาก 17% เป็น 18% และให้ขยับเปอร์เซ็นต์ขึ้นอีกปีละ 1% ให้ได้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น โดยหลังจากนี้มีแผนจะส่งเสริมให้เพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันในจังหวัดใกล้เคียงต่อไป เช่น กระบี่ ชุมพร เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานปาล์มน้ำมันของไทย ทำให้แข่งขันได้ดีขึ้น

พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน เร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ จากปาล์มน้ำมัน เช่น วิตามินอีจากปาล์ม น้ำมันโอลีนฟิน สารเคมีสกัดจากปาล์มเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายใดผลิตได้ หากผลิตได้จะช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตปาล์มได้มากขึ้น

ด้านนายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นโยบายส่งเสริมให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้นเป็น 18% เป็นนโยบายที่ดี ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการได้ผลผลิตที่ดีขึ้น แต่ยังอาจจะทำได้ลำบาก เนื่องจากปัจจุบันไทยไม่ได้มีเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม

“ผลผลิตที่เกษตรกรตัดมาเป็นแบบคละ เมื่อตัดผลผลิตมาแล้วจำเป็นต้องขายเพื่อจะมีรายได้มาใช้จ่าย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรับซื้อ เนื่องจากมีกฎระเบียบการซื้อ-ขายอยู่แล้ว ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องส่งเสริมและให้ความรู้เกษตรกรให้ผลิตปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันตามเป้าหมายหากผลผลิตมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ผู้ประกอบการพร้อมรับซื้ออยู่แล้ว

ส่วนที่จ.ตรัง เสนอให้สร้างแท็งก์เก็บน้ำมันปาล์มเพิ่มมองว่ายังไม่จำเป็นเพราะมีแท็งก์อยู่แล้ว หากสร้างเพิ่มก็ไม่คุ้มค่าการลงทุนหรือการดูแล

พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ อคส.ซื้อสต๊อกปาล์ม 100,000 ตัน จากเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา งบประมาณดำเนินการ 3,000 ล้านบาท ในกรณีที่ราคาผลปาล์มต่ำกว่า กก.ละ 4.20 บาท

“จากการลงพื้นที่ถามความเห็นจากเกษตรกรมองว่าแม้ราคาผลปาล์มน้ำมัน (เปอร์เซ็นต์น้ำมัน17%) ปัจจุบันจะปรับลดลง เหลือกก.ละ 3.80-3.90 บาท แต่ไม่ต้องการให้มีการเข้าไปรับซื้อต้องการให้ช่วยเหลือผลักดันการส่งออกมากกว่า ซึ่งอคส.อยู่ระหว่างประสานประเทศที่สนใจนำเข้า เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น และอยู่ระหว่างพิจารณาระดับราคากลางที่เหมาะสมจะเข้าไปดำเนินการรับซื้อ”

พร้อมกันนี้ อคส.กำลังศึกษาแนวทางพัฒนาและส่งเสริมให้โรงงานปาล์มน้ำมันหีบแบบรวมสกัดแห้ง (โรงเกรด B) พัฒนาให้เป็นโรงงานปาล์มน้ำมันแบบหีบทะลายสกัดเปียกด้วยไอน้ำ (โรง A) โดยการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ