นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการประชุมหารือผลกระทบจากนโยบายการเลิกใช้ถุงพลาสติก ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 ว่า ภายหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2563 ที่รัฐบาลมีนโยบายเลิกใช้ถุงพลาสติกเพียงครั้งเดียว ขณะนี้ ห้างสรรพสินค้าทุกแห่งได้เตรียมแผนรองรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไป โดยห้างสรรพสินค้านำถุงพลาสติกที่สลายได้ ถุงผ้า ถุงพลาสติกที่สามารถใช้ซ้ำ มารองรับการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค และลูกค้าได้ยืมหรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ต้องการเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวสอดรับกับนโยบายรัฐบาล
“บางห้างสรรพสินค้ายังอำนวยความสะดวกโดยมีบริการกล่องกระดาษ หรือถุง รถเข็น ไว้คอยให้บริการ หรือลูกค้าที่มีถุงผ้ามาเอง ก็จะมีโปรโมชั่น การให้คะแนนเพื่อนำไปใช้สิทธิ์ต่างๆเพื่อแรงจูงใจให้กับลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียการใช้งานหรือการใช้ซ้ำและลดการใช้ถุงพลาสติกลงไปได้ อย่างไรก็ดี หากทางห้างสรรพสินค้าไม่มีแหล่งซื้อถุงที่สลายได้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถประสานมาที่กรมฯได้ พร้อมที่จะประสานแหล่งผลิตและแหล่งรับซื้อ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี”
สำหรับพฤติกรรมการใช้ถุงพลาสติกนั้น ยอมรับว่าอยู่ระหว่างการปรับตัวเชื่อว่าระยะยาวจะดีขึ้น ขนะนี้ผู้บริโภคมาซื้อสินค้า โดยส่วนใหย้ในห้างสรรพสินค้าผู้บริโภคอาจจะไม่ได้นำถุงผ้ามาเอง เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าเป็นกลุ่มแฟชั่น ก็อาจจะไม่ได้เตรียมตัวมาบ้าง ซึ่งห้างสรรพสินค้าก็มีบริการรองรับมีถุงพลาสติก ถุงกระดาษ ไว้รองรับการให้บริการแก่ลูกค้า ส่วนปริมาณสินค้าที่ซื้อจำนวนมากอาจจะไม่จำเป็นที่ใช้ถุงพลาสติก ห้างสรรพสินค้าก็มีบริการไว้รองรับเรื่องนี้
ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ระบุว่า ปัจจุบันทางห้างสรรพสินค้ามีถุงพลาสติกที่ใช้ซ้ำมากว่า 200 ครั้งมาคอยให้บริการลุกค้า รถเข็น ถุงผ้าที่ยืมได้หรือถุงกวระดาษ แต่ทั้งนี้ ก็ยอมรับเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากเดิมราคาต้นทุนถุงพลาสติกอยู่ที่ 1-5 บาท แต่ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 2-6 บาท เพิ่มขึ้น 5-6 เท่า แต่ทั้งนี้ ห้างสรรพสินค้าพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐและช่วยรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก และส่งเสริมให้เกิดการใช้ซ้ำต่อไป